Category: Blog
มือเหี่ยว เกิดขึ้นจากอะไร? แค่ล้างมือก็ทำให้มือเหี่ยวได้จริงหรือไม่
ปัญหามือเหี่ยว มือย่น มือสาก ดูเหมือนมือคนแก่เข้าไปทุกที กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ลดทอนความมั่นใจให้สาว ๆ ได้ไม่แพ้กันกับปัญหาความสวยความงามอื่น ยิ่งเห็นชัดในช่วงการระบาดของโควิด 19 ทำให้เราต้องให้ความสนใจในความสะอาดของมือแทบจะทุกที่ทุกเวลา ต้องหมั่นล้างมือบ่อยมากขึ้นหลายเท่า ทำความสะอาดมือด้วยแอลกอลฮอล์ทุกครั้งที่สัมผัส จับสิ่งของต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด อีกทั้งการระบาดยังกินเวลานานจนทำให้การล้างมือ ใช้สเปรย์หรือเจลแอลกอฮอล์กลายเป็น 1 ในพฤติกรรมที่ต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตประจำวันไปเสียแล้ว
การล้างมือบ่อย ทำให้มือเหี่ยวได้จริงหรือ?
ความปลอดภัย ป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากเชื้อโควิด 19 เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องใส่ใจห้ามละเลย จุดนี้เองจึงทำให้หลายคนต้องโบกมือลาผิวมือนุ่มสวย และได้ผิวมือเหี่ยว แห้งกร้านกลับมาแทน หรือบางรายความชุ่มชื้นหายจนถึงขั้นมือลอก มือแตกเลยก็มี ซึ่งการล้างมือบ่อย ๆ หรือการใช้สเปรย์ - เจลแอลกอฮอล์ตลอดทั้งวัน ถือเป็นสาเหตุโดยตรงของปัญหามือเหี่ยวได้จริง ๆ
การล้างมือบ่อย ทำให้ปริมาณไขมันในชั้นผิวลดลง ความชุ่มชื้นถูกชำระล้างผ่านผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เมื่อผิวขาดความชุ่มชื้น ปัญหาอื่น ๆ ก็จะตามมาโดยเฉพาะปัญหามือเหี่ยว มือแห้งสาก
บางคนไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดมือโดยเฉพาะ อาทิ ล้างมือด้วยน้ำยาล้างจาน ใช้ผลิตภัณฑ์เคมีที่มีฤทธิ์ทำความสะอาดรุนแรง สบู่ที่มีกลุ่มสารสบู่เยอะไม่มีมอยเจอร์ไรเซอร์ถนอมผิว จะส่งผลต่อความแข็งแรงของชั้นผิวโดยตรง ชั้นผิวจะเริ่มอ่อนแอลง มือเริ่มพบกับปัญหาผิวแห้งกร้าน มือเหี่ยว บาง และอาจมีโอกาสเกิดการอักเสบได้ในที่สุด
หยุดล้างมือไม่ได้ ก็ต้องเพิ่มการบำรุงเอา
เพราะมือเป็นอาวุธลับที่เพิ่มเสน่ห์ให้คุณได้ในแบบที่คาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเสน่ห์ผ่านการหยิบจับสิ่งของ ทำงานได้อย่างคล่องแคล่วน่ามองแล้ว ยังเป็นอวัยวะที่ใช้สัมผัสฝ่ายตรงข้าม กลายเป็นจุดเริ่มต้นในทุกความสัมพันธ์ ทั้งผ่านการจับมือ, Shake Hand ซึ่งจุดนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ว่าจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามมีความคิดในหัวเข้ามาว่า “คนนี้มือนิ่มจัง?” หรือปล่อยให้การ Shake Hand เป็นเรื่องทั่วไปที่ใคร ๆ เขาทำกัน ไม่มีความคิดพิเศษหรือแปลกใหม่กับฝ่ายตรงข้าม ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลมือให้ถูกวิธี
เพราะการล้างมือยังคงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากในการใช้ชีวิตให้อยู่รอดปลอดภัยจากโควิด 19 การเพิ่มความใส่ใจเข้ามาจึงมีส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพผิวมือให้ยังคงความนุ่ม สวยตึง มือไม่เหี่ยวได้ง่าย ๆ 3 ขั้นตอน
การล้างมือ ไม่ควรล้างในน้ำร้อนหรือน้ำเย็นจนเกินไป เพราะเราต้องล้างบ่อยและใช้เวลาในการล้างมือต่อครั้งนานขึ้น ทำให้การใช้อุณหภูมิน้ำที่ไม่ปกติจะทำให้ความชุ่มชื้นในผิวถูกดูดหายไปได้เร็วกว่า จึงควรใช้น้ำอุณภูมิห้องจะดีที่สุด
การเลือกเจล - สเปรย์แอลกอฮอล์ในการทำความสะอาดมือระหว่างวัน ควรเลือกให้มีมอยเจอร์ไรเซอร์ เติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว
หลังล้างมือ หรือทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ ต้องใช้ครีมทามือเติมความชุ่มชื้นที่เสียไปให้ผิวทุกครั้งทันที จะช่วยฟื้นฟูชั้นผิว ปรับผิวให้นิ่มเด้ง แก้ปัญหามือเหี่ยวได้
ครีมทามือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ต่อครั้งไม่เยอะ ทำให้การซื้อ 1 ครั้งใช้ได้ยาวนานมาก เพื่อให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ไม่ต้องคอยเปลี่ยนหรือทนใช้เพราะเสียดายของในอนาคต คุณจึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารบำรุงเน้นฟื้นฟูสุขภาพผิวมือโดยเฉพาะ แก้มือเหี่ยว คืนความนุ่ม ชุ่มชื้นไปพร้อม ๆ กับการ “คงความสะอาดให้กับมือ” ช่วยให้มือปลอดเชื้อโรคได้นานขึ้น
มีมั้ย? ครีมทามือ ลดมือเหี่ยว ปลอดเชื้อโรคได้นานขึ้น
เพราะเรื่องของความสะอาดทำให้เราต้องล้างมือถี่ขึ้น ล้างบ่อยขึ้นแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้การใช้ครีมทามือเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นจำเป็นต้องมีส่วนผสมที่ช่วยเรื่องการฟื้นบำรุงแบบเข้มข้น มีสารสกัดที่ช่วยให้ผิวปลอดเชื้อโรคได้นานขึ้นหลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จ และที่สำคัญต้องซึมไวแต่ยังคงความชุ่มชื้น ไม่เหนียวเหนอะหนะจนไม่สามารถใช้มือในการทำงาน มือลื่นจนต้องไปล้างออกเพราะใช้มือในการหยิบจับสิ่งของ ใช้งานในชีวิตประจำวันไม่ได้เลย ทำให้ Satira ได้มีการรวบรวมปัญหาที่ทำให้คนไม่ชอบใช้ครีมทามือ ไปพร้อม ๆ กับการค้นหาสารบำรุงที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพผิวมือมากที่สุด จนกลายเป็น Satira Purifying Hand Cream ครีมทามือที่เน้นการป้องกันผิว เติมความชุ่มชื้น แก้ปัญหามือเหี่ยว แห้ง สาก แตก และช่วยปลอบประโลมผิว อุดมไปด้วย
โปรตีน Sericin และ Oat ช่วยบรรเทาและรักษาอาการผิวแห้ง แก้ปัญหามือเหี่ยว
สารสกัดจากดอกคาโมไมล์ ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองจากการล้างมือ
ว่านหางจระเข้ มอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
น้ำมันมะพร้าว Monolaurin ช่วยให้มือปลอดจากเชื้อโรคได้นานขึ้นหลังจากทำความสะอาดมือ เพิ่มการปกป้องให้คุณได้แบบมั่นใจ 2 ต่อ
นอกจากคุณสมบัติที่สามารถคืนความชุ่มชื้นให้มือ เปลี่ยนมือเหี่ยวให้กลายเป็นมือนุ่มสวยสุขภาพดีได้แล้ว Satira Purifying Hand Cream ยังซึมซาบลงสู่ผิวไว มอบการปกป้องสุขภาพมือในระดับพิเศษ แต่ไม่ทิ้งคราบ ไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้ มีกลิ่นหอมสไตล์ธรรมชาติ เพิ่มเสน่ห์ผ่านกลิ่นหอม มีให้เลือกถึง 6 กลิ่นหอมด้วยกัน
Purifying Hand Cream Baba Phuket : สดชื่นกระตุ้นความสดใสด้วยกลิ่นดอกไม้ ผสมผสานกับความเป็น Fruity ของเลมอน แบล็คเคอแรนท์ ส้ม และมะพร้าว เพิ่มความติดทนนานและกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ด้วยมัสค์
Purifying Hand Cream Exotic Lemongrass : กลิ่นหอมโล่งจมูก ปลอดโปร่งสไตล์สมุนไพรไทยอย่างตะไคร้หอม ลดความร้อนแรง เพิ่มความผ่อนคลายด้วยชาเขียว และมัสค์
Purifying Hand Cream Fantasy Freesia : ถูกใจสายน้ำหอม กลิ่นจะเน้นความเป็น Flora Fruity หอมหวานแบบซ่อนเปรี้ยว พร้อมกับคงความหรูหราไว้ด้วย Freesia, Pear, Rose, Patchouli และ Amber
Purifying Hand Cream Organic Lavender : หอมคลาสสิกด้วยส่วนผสมของดอกไม้ และสมุนไพรของน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ออร์แกนิก
Purifying Hand Cream Precious Jasmine : เน้นการผสนผสานกันอย่างลงตัวของกลิ่นดอกมะลิ เน้นความหรูหรา หวานแต่ไม่เลี่ยน หอมซับซ้อนจนอยากได้กลิ่นไม่หยุดด้วยกลิ่นอายของลิลลี่แห่งหุบเขา, พีช, มะนาว และมัสค์
Purifying Hand Cream Sensual Rose : ถูกใจสายหวาน หรือใครที่ชอบกลิ่นกุหลาบมากเป็นพิเศษ ด้วยการชูกลิ่นดอกกุหลาบเป็นหลัก ผสมผสานด้วยกลิ่นมะลิ ลิ้นจี่ แบล็คเคอแรนท์ และซีดาร์วูด หอมหรูลงตัว
เพราะมือคืออีกหนึ่งอวัยวะสำคัญที่เราต้องใช้งานอยู่ทุกวัน และมืออาจจะนำพาให้เราไปเจอโอกาสดี ๆ ได้ในแบบที่เราก็คาดไม่ถึง ดังนั้นการดูแลสุขภาพผิวมือจึงเป็นอีก 1 สิ่งที่แสดงถึงความใส่ใจในการดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี มาดูแลมือของคุณให้แลดูอ่อนเยาว์ เนียนนุ่มน่าสัมผัสอยู่ตลอดเวลาด้วย Satira Purifying Hand Cream ถึงแม้ว่าจะต้องล้างมือบ่อย ๆ ใช้แอลกอฮฮล์เช็ดทำความสะอาดมืออยู่เป็นประจำก็ตามกันเถอะค่ะ
“ หน้ามัน เป็นสิวง่าย รูขุมขนกว้าง มาครบ สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเองมั้ย ต้องทำยังไงดี?”
ปัญหาหน้ามัน เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมามากกว่าที่คิด ทั้งเรื่องสิวขึ้นง่าย รูขุมขนกว้าง ผิวขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้นส่งผลต่อไปถึงปัญหาริ้วรอยก่อนวัย เพราะแบบนี้ การกู้และฟื้นฟูผิวให้กลับมาสดใส เปลี่ยนผิวให้สุขภาพดี จึงต้องแก้จากต้นเหตุอย่างปัญหาผิวหน้ามันก่อนเป็นอันดับแรก
รู้ก่อนแก้ได้ถูกทาง ผิวมันเกิดจากอะไร?
ผิวมัน เกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัย บางคนผิวมันมาตั้งแต่กำเนิด บางคนผิวแห้งมาตลอดแต่กลับมีช่วงเวลาหน้ามันเยิ้มได้เหมือนกัน ดังนั้นการรู้ถึงต้นตอสาเหตุของปัญหาผิวมันจึงสำคัญ เพื่อให้คุณสามารถไปต่อ แก้ไขได้อย่างตรงจุด
หน้ามันจากกรรมพันธุ์
หน้ามันจากกรรมพันธุ์ ถือเป็นสิ่งที่ส่งต่อกันมาทางพ่อแม่ ครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากมองในแง่ดี การอยู่ในกลุ่มผิวมันเหมือนได้รับเกราะป้องกันผิวจากธรรมชาติ คนที่มีผิวผสมค่อนไปทางมัน หรือผิวมันมักจะเป็นผิวที่หนา เรียบเนียน มีความยืดหยุ่นมากกว่าผิวแบบอื่นสามารถได้รับการปกป้องแสงแดดจากธรรมชาติ มีความทนทานต่อการเกิดริ้วรอยมากกว่า
แต่ขอเตือนไว้หน่อย หลายคนมีความเข้าใจผิด ๆ ว่าคนผิวมันไม่จำเป็นต้องบำรุงหรือเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวเพราะหน้ามันง่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้กว่าจะรู้ตัว ผิวก็เพิ่มความมันขึ้นแบบทวีคูณเพราะผิวขาดน้ำไปแล้ว ดังนั้นการดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว คอยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ชั้นผิวสม่ำเสมอ ควบคู่กับการใช้มาร์คโคลนดูดซับความมันส่วนเกิน และสิ่งสกปรกที่มีโอกาสอุดตัน อักเสบจนกลายเป็นสิวจึงสำคัญมาก อย่าชะล่าใจเด็ดขาด
หน้ามันจากอาหาร
สิ่งที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย นอกจากสิ่งที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่นอย่างกรรมพันธุ์แล้ว ก็เห็นจะมีเรื่องของ “อาหาร” ที่มีอิทธิพลต่อร่างกายของเรา กินของดีมีประโยชน์หรือไม่ ผลลัพธ์จะออกมาให้เห็นทางร่างกาย ไม่เว้นแม้กระทั่งสภาพผิว ความมันส่วนเกินอาจเกิดขึ้นจากร่างกายของเรามีระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น โดยกระบวนการนี้จะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน และฮอร์โมนที่มีโครงสร้างคล้ายอินซูลิน หรือ IGF-1 ออกมาเพื่อดักจับน้ำตาล
ฮอร์โมน IGF-1 ตัวนี้ มีผลการวิจัยระบุว่าอาจเป็นตัวการสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อต่อมไขมัน เมื่อไขมันถูกผลิตออกมามากเกินความจำเป็นจึงทำให้หน้ามัน หน้าเยิ้มมากกว่าปกติจนกลายเป็นสาเหตุของสิว รูขุมขนกว้าง นอกจากนี้อาหารบางชนิดยังเป็นแรงกระตุ้นชั้นดี ที่ทำให้ผิวเกิดการอักเสบ เป็นสิว ผิวอุดตันได้อีกด้วย
ผิวขาดความชุ่มชื้น
ปัจจัยนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะกลุ่มคนผิวมันผิวผสม ที่มีความเข้าใจผิดในขั้นตอนการดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์กลุ่มมอยเจอร์ไรเซอร์ เมื่อผิวไม่เคยได้รับความชุ่มชื้นเข้ามาเต็มเติม ร่างกายจะยิ่งกระตุ้นต่อมไขมันใต้ผิว ให้ผลิตไขมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้ผิวหน้ายังคงหล่อเลี้ยงความชุ่มชื้นไว้ เกิดเป็นปัญหาผิวมันแต่ขาดน้ำขึ้นในที่สุด เวลาสัมผัสผิวจะรู้สึกถึงความมันแต่ผิวสาก แห้งกร้าน ผิวไม่สวยอิ่มน้ำ มีปัญหาเครื่องสำอางไม่ติดหน้า
ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวผิดประเภท หรือดูแลผิวมากเกินไป
การที่คุณให้ความสำคัญกับการดูแลผิวเป็นประจำถือเป็นเรื่องดี แต่ทั้งหมดควรเป็นไปอย่างสมดุล เพราะการดูแลผิวมากเกินไปก็มีส่วนในการกระตุ้นการผลิตของต่อมไขมันได้เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น
- การสครับหน้าถี่จนเกินไป : ผิวจะเร่งผลิตไขมัน เพราะผิวสูญเสียความชุ่มชื้นอย่างหนัก ผิวอ่อนแอ มีโอกาสอักเสบ เกิดสิวง่ายจากการสครับผิวมากเกินไป
- ล้างหน้าบ่อยก่อนไป : กลุ่มความมันที่จำเป็นต้องคงไว้เพื่อรักษาสมดุลให้ผิวหายไปหมด เพราะล้างหน้าบ่อยเกินไป ทำให้ผิวต้องเร่งกระตุ้นเพื่อสร้างไขมันใหม่ กลายเป็นผิวยิ่งมันเยอะ และมันง่ายมากกว่าเดิม
- ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่ถนอมผิว : ปัญหานี้ทำให้รูขุมขนยิ่งกว้าง ทำให้ผิวหน้ามัน และระคายเคืองง่ายมากกว่าปกติ
สำคัญที่สุด คือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม ตรงกับสภาพผิวของเรา ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หากคุณเป็นคนผิวมัน ผิวผสม ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมันหรือมีน้ำมันน้อยที่สุด เพื่อลดความมันส่วนเกิน หรือเลือกกลุ่มเซรั่ม มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ซึมซาบลงสู่ผิวไว เนื้อบางเบาแต่ยังคงความชุ่มชื้นได้ ไม่ทิ้งความเหนอะหนะให้ผิวเพื่อป้องกันการอุดตัน
หน้ามันเยิ้มแก้ได้จริง! แค่ปรับเทคนิคการดูแลผิวให้ถูกวิธี
สิ่งที่สามารถฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาคงความสมดุล จัดอยู่ในผิวสุขภาพดี มีความมันในระดับพอดีตามสภาพผิวเดิม ผิวชุ่มชื้น เรียบเนียน แข็งแรง แลดูอ่อนเยาว์ คือการดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด เริ่มจากเทคนิคง่าย ๆ ปรับเปลี่ยนการดูแลผิวให้ถูกวิธี จะสามารถตรงเข้าแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ตอบโจทย์คนหน้ามัน เป็นสิว รูขุมขนกว้างได้ดีที่สุด
การทำความสะอาดตั้งแต่ขั้นตอนแรกสำคัญ
เพราะปัญหาสิวขึ้น ผิวอักเสบ รูขุมขนกว้าง มีจุดเริ่มต้นมาจากการทำความสะอาดที่ไม่มีประสิทธิภาพตั้งแต่ขั้นตอนแรก ดังนั้นการทำความสะอาดคราบเครื่องสำอาง ครีมกันแดด ฝุ่นควัน มลภาวะที่คุณเจอมาทั้งวันจึงสำคัญมาก
เลือกคลีนซิ่งที่สามารถทำความสะอาดได้อย่างอ่อนโยน ไม่ดูดซับความชุ่มชื้นออกจากผิวไปจนหมดอย่าง Gentle Cleansing Cream มีส่วนผสมของ Grapefruit และ Centella asiatica ช่วยฟื้นฟูผิว คงความชุ่มชื้น เนียนนุ่มได้ แม้ว่าจะเป็นขั้นตอนการทำความสะอาดก็ตาม
วิธีใช้ : เคล็ดลับง่าย ๆ กดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดลงบนฝ่ามือในปริมาณที่พอเหมาะ นวดลงบนผิวเบา ๆ ให้ทั่วทั้งใบหน้า จากนั้นซับด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ หรือสำลี เช็ดจนกว่าสำลีหรือผ้าจะไร้สีของเครื่องสำอางบนใบหน้า
การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางแบบครีม จะช่วยให้ผิวหน้าแลดูอ่อนกว่าวัย ผ่อนคลายความเครียด ทำให้ผิวได้รับการปลอบประโลม กระตุ้นการไหลเวียนเลือดจากการนวด ลดการเกิดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี
หน้ามันต้องหมั่นดีท็อกซ์ผิวและรูขุมขน
เพราะผิวมัน โอกาสที่สิ่งสกปรก มลภาวะต่าง ๆ ที่เราต้องเจออยู่ทุกวันจะตกค้าง ฝั่งตัวอยู่ในรูขุมขนมีสูง ก่อให้เกิดสิว ผิวอักเสบเอาง่าย ๆ การใช้มาร์คโคลน Detoxifying Face Mask 1 - 2 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยยกระดับการทำความสะอาดผิวหน้า ช่วยดูดซับสิ่งสกปรก และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว มาร์คโคลนจะคืนความไบรท์ กระจ่างใสให้กับผิวด้วย Centella asiatica ทำงานคู่กับส่วนผสมของวิตามินอีจากน้ำมันงา ช่วยต่อต้านสร้างอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวแข็งแรง อ่อนนุ่มเรียบเนียนจนสัมผัสได้
วิธีใช้ : หลังจากทำความสะอาดผิวหน้าด้วย Gentle Cleansing Cream เรียบร้อยแล้ว ให้มาร์คหน้าด้วยมาร์คโคลน Detoxifying Face Mask 10 นาที ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นวางซับลงบนใบหน้า แล้วค่อย ๆ เช็ดมาร์คโคลนออกอย่างเบามือ
น้อยแต่มาก แค่บำรุงผิวถูกวิธี หน้าไม่มัน ตรงโจทย์
การบำรุงผิวให้ถูกวิธี ผ่านการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิว และเรียงลำดับประเภทสกินแคร์ที่ควรใช้ก่อน - หลัง สามารถลดความมันบนใบหน้าได้จริง เริ่มต้นจาก
หลังทำความสะอาดใบหน้าเสร็จเรียบร้อย ขั้นตอนแรกในการบำรุงควรเป็นกลุ่มโทนเนอร์ โลชั่น น้ำตบ หรือ Botanical Skin Nourishing Lotion เข้าช่วยเต็มเติมความชุ่มชื้นที่สูญเสียไป ลดอาการระคายเคือง ปลอบประโลมผิวจากมลภาวะ แสงแดด
Botanical Skin Nourishing Lotion มีส่วนผสมของอโรเวล่า และ Hyaluronic Acid ช่วยปกป้อง และฟื้นฟูในฝั่งของความชุ่มชื้นโดยตรง มาพร้อมกับส่วนผสมของน้ำผึ้ง วิตามิน A และ Centella Asiatica เข้าช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ต่อต้านริ้วรอย ยกกระชับผิว เปลี่ยนผิวให้แน่น นุ่มฟู แลดูเต่งตึงได้
อย่าลืมเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์อย่าง Precious Botanical Face & Neck Cream
เพื่อให้ผิวคงความชุ่มชื้น ผิวอิ่มน้ำจนไม่ผลิตความมันส่วนเกินออกมากวนใจ
Precious Botanical Face & Neck Cream มีวิตามินเอ และสารสกัดจากใบบัวบก ตัวช่วยลดริ้วรอย ลดการอักเสบของผิว แก้ปัญหาสิว และกระตุ้นการสร้างเซลล์คอลลาเจนใหม่ อุดมคุณค่าไปด้วยโปรตีนไหมไทย เน้นการสร้างเซลล์ผิว ต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย คืนผิวฟู แน่น เด้ง ทำงานควบคู่กับสารสกัดจากกวาวเครือขาว ให้สารไฟโตเอสโตรเจนเพื่อผิวที่ดูอ่อนเยาว์ในแบบที่คุณไม่เคยสัมผัส
ตัวครีมสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว ผิวมันใช้ได้ไม่เหนอะหนะ แนะนำให้ใช้ทาใบหน้าและลำคอทุกเช้าและเย็น นวดครีมลงผิวเบา ๆ ในลักษณะดันขึ้น เพื่อยกกระชับ เพิ่มความผ่อนคลายให้ผิว และกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือด
ถึงเวลาที่คุณต้องเช็กตัวเองแล้ว ว่าคุณกำลังเจอกับปัญหาหน้ามัน เป็นสิว รูขุมขนกว้างอยู่หรือไม่ ฟังดูจะเป็นเรื่องเล็ก อากาศประเทศไทยร้อน อย่างไรก็ต้องหน้ามันเป็นธรรมดา แต่ใครจะไปคิดว่าปัญหาที่เรามองว่าเล็กน้อย จะต่อคิวส่งผลร้ายกับผิวได้ขนาดนี้ เช็กก่อนรู้ก่อนเริ่มดูแลผิวได้เร็ว จะได้ไม่ต้องมานั่งหนักใจทีหลังนะ
รู้กันรึเปล่าว่า สภาพผิวของคุณเป็นแบบไหน ? Satira ขอพาทุกคนมาเช็กลิสต์ทำความรู้จักสภาพผิวแต่ละแบบซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการดูแลผิวให้มีสุขภาพดีตามความเหมาะสมกับพื้นฐานของผิวแต่ละแบบ แล้วสภาพผิวแบบไหนที่ใช่คุณ มาหาคำตอบไปพร้อมกันได้เลย
เช็กสภาพผิวทีละขั้นง่าย ๆ ทำได้แบบนี้
เช็ดผิว ลบเครื่องสำอางให้ออกจนหมด
ล้างหน้าให้สะอาดหมดจด แล้วซับเบา ๆ ให้หน้าแห้งดี
งดทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใด ๆ ก่อนเข้านอน
ใช้กระดาษซับมันทดสอบซับความมันบนผิวหน้าหลังตื่นนอน โดยทดสอบซับความมันที่บริเวณหน้าผาก จมูก คาง และแก้ม
ผลลัพธ์สภาพผิวแต่ละประเภท
โดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งประเภทของผิวตามสภาพและลักษณะได้เป็น 5 ประเภท ได้แก่ ผิวธรรมดา (Normal Skin), ผิวแห้ง (Dry Skin), ผิวมัน (Oily Skin), ผิวผสม (Combination Skin) และผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin) ซึ่งถูกกำหนดด้วยพันธุกรรมและปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละบุคคล
ผิวธรรมดา (Normal Skin)
บ่งบอกถึงผิวที่มีความสมดุล คือไม่แห้งจนเกินไปและไม่มันจนเกินไป เรียกได้ว่าเป็นผิวที่สภาพดีที่สุดเพราะดูแลง่าย ไม่ค่อยพบปัญหาผิวใด ๆ
ผู้ที่มีผิวประเภทนี้เมื่อทดสอบแล้วจะพบความมันเพียงเล็กน้อยที่หน้าผาก จมูก คาง และแก้ม
ผิวแห้ง (Dry Skin)
บ่งบอกถึงผิวที่ละเอียดบอบบาง มีความแห้งกร้าน ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย เนื่องจากน้ำมันจากต่อมไขมันในผิวไม่เพียงพอที่จะป้องกันการสูญเสียน้ำของผิว ผู้ที่มีผิวประเภทนี้เมื่อทดสอบแล้วจะพบว่าผิวแห้งตึง ไม่มีความมันบนผิวหน้า
ผิวมัน (Oily Skin)
บ่งบอกถึงผิวที่มองเห็นรูขุมขนได้ชัดเจน และผิวมีลักษณะมันวาว จากการที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาในปริมาณที่มากเกินไป
ผู้ที่มีผิวประเภทนี้เมื่อทดสอบแล้วจะพบความมันมากที่บริเวณหน้าผาก จมูก คาง และแก้ม
ผิวผสม (Combination Skin)
บ่งบอกถึงผิวที่มีลักษณะผสมกันระหว่างผิวสองประเภท บางบริเวณผิวจะแห้ง ในขณะที่บริเวณอื่นๆ จะมีผิวธรรมดาหรือผิวมัน
ผู้ที่มีผิวประเภทนี้เมื่อทดสอบแล้วจะพบความมันชัดเจนบริเวณหน้าผาก จมูก หรือคาง แต่ไม่พบความมันบริเวณแก้ม
ผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin)
บ่งบอกถึงผิวที่บอบบางมาก ๆ ต่อสิ่งต่าง ๆ ที่สัมผัสผิวหน้า เช่น ฝุ่น แสงแดด ครีม หรือเครื่องสำอาง ซึ่งมีโอกาสระคายเคืองมากกว่าผิวประเภทอื่น
ผู้ที่มีผิวประเภทนี้เมื่อทดสอบแล้วจะพบความมันบ้างเล็กน้อยหรือไม่พบเลย มีข้อสังเกตเบื้องต้นคือ ผิวจะดูไม่ยืดหยุ่น เมื่อลองบีบผิวเบา ๆ จะเกิดริ้วรอยย่นขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อรู้จักสภาพผิวตัวเองแล้ว Satira ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่สามารถใช้ได้ทุกวัน ทุกสภาพผิว เพื่อผิวหน้าแข็งแรงให้คุณได้มั่นใจมากยิ่งขึ้นค่ะ
Botanical Skin Nourishing Lotion
โลชั่นที่มีส่วนผสมของอโรเวล่า และ Hyaluronic Acid ช่วยปกป้อง ฟื้นบำรุงผิวแห้งเสียผิวที่ขาดความชุ่มชื้น ลดการระคายเคืองผิวแสบร้อนจากแดด และยังมีส่วนผสมของน้ำผึ้งช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว อุดมด้วยวิตามิน A และ Centella Asiatica ช่วยจัดการริ้วรอยและฟื้นฟูผิว
Clarifying Facial Scrub
สครับสำหรับทุกสภาพผิว ด้วยสารสกัดจากโสมและใบแป๊ะก๊วย Ginko Biloba ทำให้ผิวที่อ่อนแอหมองคล้ำกระชับปรับสมดุลของเลือดกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
Detoxifying Face Mask
มาสก์โคลนทำความสะอาดผิวหน้าด้วยการดูดซับสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว อีกทั้งยังมี Centella Asiatica ช่วยปรับสภาพผิวและเพิ่มความสดชื่นให้กับผิวหน้า ในขณะที่น้ำมันงาให้วิตามินอีต่อต้านอนุมูลอิสระสูงทำให้ผิวนุ่มนวลสะอาดและเรียบเนียน เพื่อผิวกระจ่างใส
Gentle Cleansing Cream
ครีมทำความสะอาดสำหรับชำระล้างเครื่องสำอาง ทำความสะอาดผิวหน้าได้ในขวดเดียว และยังเติมความชุ่มชื้นในชั้นผิวได้ด้วยส่วนผสมของ Grapefruit และ Centella asiatica พร้อมฟื้นฟูผิวของคุณให้ผ่อนคลายด้วย Allantoin
Intense Hydration Face Mask
มาส์กเจลเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ให้ความชุ่มชื้นพร้อมแคปเตอร์น้ำธรรมชาติด้วยกรดโซเดียมไฮยาลูโรนิกและอิมเพอราต้าไซคลินดริกาจากกระบองเพชรทะเลทรายทำหน้าที่เป็นสารยึดเกาะตามธรรมชาติเพื่อทำให้เซลล์ผิวแห้งตึงและให้ความชุ่มชื้นยาวนานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างเข้มข้นชุ่มชื้น
Precious Botanical Face & Neck Cream
เหมาะกับทุกสภาพผิว ด้วยสารสกัดวิตามินเอและสารสกัดจากใบบัวบกช่วยลดริ้วรอยและสร้างเซลล์คอลลาเจนใหม่
ประกอบกับโปรตีนไหมไทยช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวเพื่อต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย และสารสกัดจากกวาวเครือขาวให้สารไฟโตเอสโตรเจนเพื่อผิวที่ดูอ่อนเยาว์กว่าที่เคย
Precious Eye Cream
คืนความอ่อนเยาว์และมีชีวิตชีวาให้กับดวงตาของคุณด้วย Eyeliss และ Haloxyl ส่วนผสมที่ทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อลดถุงใต้ตาและรอยคล้ำรอบดวงตา ลดความหย่อนคล้อยของผิวเปลือกตา นอกจากนี้ยังมี Centella Asiatica และ Aloe Vera ที่สร้างคอลลาเจนและเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวรอบดวงตา โสมกระตุ้นเพิ่มความสดชื่นและลดรอยหมองคล้ำ
Precious Face Essence
น้ำมันนวดหน้าผสานน้ำมันหอมระเหยกุหลาบและวิตามินซีบริสุทธิ์ เพื่อผิวหน้ากระจ่างใสและอ่อนเยาว์เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ช่วยทำให้ผ่อนคลาย และปลอบประโลมผิวได้เป็นอย่างดี โดยสารสกัดจากใบบัวบกช่วยกระตุ้นการไหลเวียนและการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ประกอบกับกวาวเครือขาวช่วยนำความชุ่มชื้นและความอ่อนเยาว์กลับคืนสู่ผิว
ซึ่งสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ตามนี้ได้ค่ะ
เช็ดทำความผิว ลบเครื่องสำอางให้ออกจนหมดด้วย Gentle Cleansing Cream
หลังจากล้างทำความสะอาดผิวหน้าแล้ว ใช้น้ำตบ Botanical Skin Nourishing Lotion
โลชั่นบำรุงผิวให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
ตามด้วยการบำรุงผิวอย่างล้ำลึกด้วย Precious Face Essence
หลังจากนั้นบำรุงผิวด้วย Precious Botanical Face & Neck Cream และ Precious Eye Cream บำรุงใต้ตาเพื่อลดการเกิดริ้วรอย
สนใจสามารถสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ได้ที่ satirathai.com
ช่วงนี้สาว ๆ คนไหนกำลังเจอปัญหามีพุงน้อย ๆ หรือไม่มั่นใจในรูปร่างของตัวเองกันอยู่บ้างคะ จะแต่งตัวแซ่บ ๆ ทีไรก็กังวลทุกที วันนี้ Satira จะมาแนะนำท่าออกกำลังกาย เพื่อเอว S เอวสับแบบมั่นใจ มาฝากกันค่ะ
มาเช็กกันก่อน พุงของคุณเกิดจากอะไร ?
เกิดการชอบทานอาหารประเภทแป้งและของหวานมากจนเกินไป
เกิดจากการทานอาหารเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ทำให้ไขมันสะสม
เกิดจากการชอบดื่มน้ำอัดลม เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจำ
เกิดจากพฤติกรรมที่ชอบอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ ไม่ขยับตัวไปไหน
เกิดจากการนอนดึกและพักผ่อนไม่เพียงพอ
เกิดจากความเครียดและความกังวล
เกิดจากการออกกำลังกายผิดวิธี หรือออกแต่ท่าเดิม ๆ บ่อยจนเกินไป
สาว ๆ คนไหนที่ยังทำแบบนี้อยู่ ต้องหยุดก่อน! แล้วหันมาปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ปรับการทานอาหาร เลือกทานมากขึ้น และหันมาออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย
ท่าออกกำลังกาย เพื่อเอว S เอวสับแบบมั่นใจ
สาว ๆ คนไหนที่ยังทำแบบนี้อยู่ ต้องหยุดก่อน! แล้วหันมาปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ปรับการทานอาหาร เลือกทานมากขึ้น และหันมาออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย
ท่าออกกำลังกาย เพื่อเอว S เอวสับแบบมั่นใจ
Elbow Plank เริ่มจากนอนคว่ำ แล้วลดข้อศอกชันไว้กับพื้น ทำทั้งหมด 3 เซ็ต เซ็ตละ 1 นาที
2.Plank Hip Up&Down เริ่มจากนอนตะแคงซ้าย โดยใช้แขนและข้อศอกซ้ายยันตัวไว้ ยิ่งยกสะโพกขึ้นสูงได้เท่าไรก็จะดีมาก ทำทั้ง 2 ข้างประมาณ 20 ครั้ง
ทั้งหมด 3 เซ็ต
3. Bicycle Crunches เริ่มจากนอนลงบนพื้น ยกขาขึ้นตั้งฉาก นำมือทั้งสองประคองศีรษะไว้ พยายามให้หัวเข่าและข้อศอกของแขนด้านตรงข้ามแตะกัน ทำสลับด้านกัน 20 ครั้ง ทั้งหมด 3 เซ็ต
4. Air Bike เริ่มจากนอนหงาย เอามือหนุนศีรษะตั้งเข่าขึ้น แล้วบิดตัว ใช้ศอกซ้ายแตะเข่าขวาสลับกับบิดตัว ใช้ศอกขวาแตะเข่าซ้าย ทำทั้งหมด 15 ครั้ง ทั้งหมด 3 เซ็ต
5. Double Crunch เริ่มจากนอนหงาย เอามือหนุนศีรษะตั้งเข่าขึ้น จากนั้นงอเข่าเข้าหาตัว ยกหัวขึ้น เกร็งท้องเล็กน้อย ทำค้างไว้ 5 วิ แล้วกลับไปท่าเดิม ทำทั้งหมด 15 ครั้ง ทั้งหมด 3 เซ็ต
6. Russian Twist เริ่มจากนั่งยกตัวขึ้น ยกเท้าขึ้นเล็กน้อย แล้วตั้งหน้าและเข่าให้มั่นคง บิดตัวไปด้านซ้ายให้สุด และกลับมาบิดตัวไปด้านขวาให้สุดเช่นกัน ทำทั้งหมด 15 ครั้ง ทั้งหมด 3 เซ็ต
7. Side to Side Chops ท่านี้ต้องมีอุปกรณ์สักหน่อยจะเป็นดัมบ์เบลหรือขวดน้ำก็ได้ เอาน้ำหนักเท่าที่ถือไหว เริ่มจากยืนตัวตรงถือขวดน้ำ แล้วบิดตัวไปทางซ้ายและบิดตัวไปทางขวาสลับกันไป ทำทั้งหมด 15 ครั้ง ทั้งหมด 4 เซ็ต
8. Lying Leg Twist เริ่มจากนอนหงายราบไปกับพื้น ยกขาขึ้นตั้งฉาก ค่อย ๆ ยกขาไปมาซ้ายขวา เน้นออกแรงบิดสะโพก เกร็งหน้าท้อง ทำทั้งหมด 25 ครั้ง ทั้งหมด 3 เซ็ต
9. The Wood Chop โดยเลือกใช้อุปกรณ์เป็นลูกบอลหรือดัมบ์เบลก็ได้ เริ่มจากยืนย่อตัวลงมาเล็กน้อย แล้วจับบอลไว้ให้แขนตรง จากนั้นบิดตัวขึ้นไปด้านข้าง ขณะที่ชูลูกบอลขึ้นเหนือศีรษะ แล้วค่อยบิดตัวลงมา ทำสลับขึ้นลง 15 ครั้ง ทั้งหมด 3 เซ็ต
10. High Knees เริ่มจากยืนตรง ๆ ยื่นมือออกมาให้สูงประมาณเอวแล้ววิ่งอยู่กับที่ โดยยกเข่าให้สูง พอให้เข่าแตะมือหรือสูงระดับเดียวกับมือ ทำทั้งหมด 20 ครั้ง ทั้งหมด 3 เซ็ต
เพียงเท่านี้ก็มีเอว S ได้ไม่ยากแล้วค่ะ แต่สำหรับใครที่กำลังมองหาตัวช่วยอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและเห็นผลไวขึ้น
Satira ขอแนะนำ Satira Anti Cellulite Massage Oil ตัวช่วยจัดการเซลลูไลท์หรือพุงน้อย ๆ ให้หายไป ทาลงบริเวณที่ต้องการลดเซลลูไลท์ จะช่วยเบิร์นได้ดีมาก พร้อมบำรุงผิวให้เรียบเนียน ด้วยส่วนผสมที่ Satira คัดสรรมาเอาใจทุกคนที่กังวลเรื่องหุ่นโดยเฉพาะ ได้แก่
พริกไทยดำและพริกแดง มี Capsaicin Oil ที่มีฤทธิ์ช่วยให้ไขมันเกิดการแตกตัวได้ดี สามารถลดการเกิดเซลลูไลท์ตามส่วนต่างๆ เนื่องจากสาร Capsaicin จะเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญไขมันและขจัดของเสียในร่างกายออกมา ทำให้ลดเซลลูไลท์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
น้ำมันเปลือกส้ม ในเปลือกส้มมีสาร Beta carotene ช่วยปรับสมดุลให้กับผิว ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม และกระตุ้นการเผาผลาญไขมันใต้ชั้นผิวหนัง
น้ำมันงา ช่วยลดเลือนริ้วรอยให้ผิวดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ
น้ำมันรำข้าว ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว
น้ำมันสวีทอัลมอนด์และวิตามินอี เติมความชุ่มชื้นให้กับผิวและช่วยให้ผิวแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
ส่วนวิธีการใช้ก็ง่ายมาก ๆ เพียงเท Satira Anti Cellulite Massage Oil ลงบนฝ่ามือในปริมาณเท่าเหรียญบาท ถูฝ่ามือเข้าด้วยกันเพื่อวอร์มเนื้อผลิตภัณฑ์
จากนั้น ลูบไล้และนวดเบาๆ ให้ทั่วบริเวณที่ต้องการนวด ประมาณ 5-10 นาที แล้วเริ่มออกกำลังกาย ทำเป็นประจำทุกวันรับรองว่างานนี้เอว S ต้องมาแน่นอน
การันตีคุณภาพด้วยรางวัล 'Prime Minister Herbal Award (PMHA)' ผลิตภัณฑ์สมุนไพรสปาดีเด่นแห่งชาติ โดยกรมการแพทย์แผนไทยและ การแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ที่สำคัญอย่าลืมปรับพฤติกรรมและการทานอาหารด้วยนะ แล้วคราวหน้า Satira จะมาแนะนำอะไรดี ๆ อีกนั้นรอติดตามกันได้เลย!
สำหรับใครที่สนใจผลิตภัณฑ์ Satira Anti Cellulite Massage Oil สามารถสั่งซื้อได้ที่ satirathai.com
พืชสมุนไพร คือ พืชที่มีคุณค่าทางยาถือเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน มีความเกี่ยวเนื่องกับภูมิปัญญาในการนำมาใช้รักษาผ่านสรรพคุณสมุนไพรตาม กลุ่มอาการ ซึ่ง ไพล ถือเป็นหนึ่งในสมุนไพรไทยที่มีคุณค่าและประโยชน์มากมาย แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักดีมากนัก Satira จึงอยากชวนทุกคนมาไขความลับสมุนไพรไทยอย่าง ไพล ไปพร้อมกัน
รู้จัก ไพล สมุนไพรไทย
ไพล หรือ ว่านไพล มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเอเชียแถบประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย โดยมีเขตการกระจายพันธุ์ทั่วไปในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนในไทยนั้นพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ แต่นิยมปลูกกันมากในแถบจังหวัด กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ปราจีนบุรีและสระแก้ว
ไพล เป็นไม้ล้มลุกที่ออกดอกเป็นช่อ ส่วนลักษณะใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ เปลือกมีสีน้ำตาลแกมเหลือง มีส่วนสำคัญคือเหง้าอยู่ใต้ดิน โดยเหง้าอ่อนจะให้รสร้อนซ่าและฝาดเล็กน้อย นิยมเก็บเหง้าแก่เมื่ออายุ 2 – 3 ปี เรียกได้ว่ายิ่งมีอายุมากคุณสมบัติและสรรพคุณทางยาก็ยิ่งสูงตาม รวมถึงกลิ่นและรสชาติเช่นกัน
สรรพคุณของไพล
เหง้า ราก และดอกของไพลสามารถรักษาอาการปวดเมื่อย เคล็ดขัดยอก แก้ฟกช้ำ แก้ปวดประจำเดือนและช่วยทำให้ประจำเดือนมาปกติ แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ท้องขึ้น ท้องเดิน และช่วยขับลมในลำไส้ได้
องค์ประกอบทางเคมีไพลมีองค์ประกอบเคมีเป็น น้ำมันระเหยง่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.87 และในไพลยังมี สารสีเหลืองเคอร์คูมิน ( c u r c um i n ) นอกจากนี้ ไพล ยังเป็นสมุนไพรไทยที่มีการวิจัยและยอมรับคุณสมบัติในการรักษา สามารถนำไปใช้ได้หลายวิธี ใช้ได้ทั้งเป็นยาภายนอกและภายใน ซึ่งในการศึกษาทางคลินิกของไพล ซึ่งได้พัฒนาเป็นครีมไพลซึ่งมีน้ำมันหอมระเหยเป็นส่วนประกอบ (14%) พบว่าใช้ภายนอกลดอาการปวดบวมในการรักษาข้อเท้าแพลงได้ ถือเป็นองค์ประกอบยาหลักในตำหรับยาสมุนไพรยอดนิยมกลุ่มบรรเทาอาการปวดเมื่อย โดยเฉพาะเมื่อนำไพลมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย ซึ่งถือได้ว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการใช้ยาภายนอก เนื่องจากมีโมเลกุลขนาดเล็ก ทำให้ซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีและให้ผลในการแก้อาการปวด คลายกล้ามเนื้อได้อย่างรวดเร็ว มีกลิ่นหอมพอเหมาะทำให้ผ่อนคลายได้มากขึ้น อีกทั้งสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา ช่วยบรรเทาอาการหวัด ไล่ยุงและแมลงได้อีกด้วย ทั้งนี้ต้องทำให้เจือจางก่อนสูดดมหรือสัมผัสผิว ผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายควรใช้อย่างระมัดระวัง
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์หลากหลายที่ใช้ประโยชน์จากไพล เช่น น้ำมันนวด ครีม ยาขี้ผึ้งไพล ยาน้ำมันไพล ซึ่งเป็นยาภายนอก ที่จัดอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ (บัญชียาสมุนไพร) และด้วยสรรพคุณมากมายขนาดนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ ไพล หนึ่งในสมุนไพรไทยจะมีศักยภาพขับเคลื่อนสมุนไพรไทยสู่ผลิตภัณฑ์ระดับโลกได้ ไม่ยาก ซึ่งทาง Satira เสาะหาไพลที่ปลูกตามธรรมชาติ ปลอดสารพิษเพื่อนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยผสมในผลิตภัณฑ์ Satira Massage Oil Plai Thai ที่มีคุณสมบัติช่วยคลายกล้ามเนื้อลดอาการปวดเมื่อยได้ดี
อีกทั้งยังได้ช่วยส่งเสริมเกษตกรให้ปลูกเพื่อเป็นพืชเศรษฐกิจส่งเสริมการสร้างรายได้ในครัวเรือนได้อีกด้วย
เป็นที่ทราบกันเป็นอย่างดีสำหรับประโยชน์ของ การใช้น้ำมันนวดฝ่าเท้าก่อนนอน ว่ามีประโยชน์มากมายเพียงใด ไม่ว่าจะช่วยทำให้คลายความปวดเมื่อยเหน็ดเหนื่อยกับการยืนหรือเดินไปมาตลอดทั้งวัน เพราะการได้นวดฝ่าเท้าด้วยน้ำมันถือเป็นสิ่งที่จะช่วยให้คุณเกิดความผ่อนคลายจากอาการเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้การนวดเท้ายังมีประโยชน์อีกมากมายในการรักษาสำหรับทั้งสุขภาพกายและจิตใจ
การนวดกดจุดสะท้อนเท้าสำคัญอย่างไร
เท้าของคุณมีปลายประสาทหลายเส้นที่เรียกว่าการตอบสนองซึ่งสอดคล้องกับระบบและอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย เช่น กระเพาะอาหาร ลำไส้ ศีรษะ ไต และเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มากที่การแพทย์แผนปัจจุบันพบว่าฝ่าเท้าของเรามีตำแหน่งต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กับอวัยวะส่วนอื่น ๆ ทั่วทั้งร่างกาย
อ้างอิง : หมอชาวบ้าน (เท้าบอกโรค ตอน นวดฝ่าเท้ารักษาโรค, 1 พฤศจิกายน 2527)
มีงานวิจัยมากมายที่สนับสนุนประโยชน์สำหรับคนทุกวัย เช่น การศึกษาทางคลินิกของ Asltoghiri และ Ghodsi ในอิหร่านเกี่ยวกับการประเมินผลกระทบของการนวดกดจุดสะท้อนต่อคุณภาพการนอนหลับในสตรีวัยหมดประจำเดือน (2555; 31 :242–6.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการนวดกดจุดสะท้อนต่ออาการร้อนวูบวาบในสตรีวัยหมดประจำเดือน การศึกษาทดลองที่มีกลุ่มควบคุมแบบสุ่มนี้ดำเนินการกับสตรีวัยหมดประจำเดือนที่เกษียณอายุแล้วจำนวน 100 คน ที่มีอายุระหว่าง 45 ถึง 60 ปีในปี 2554 โดยสุ่มแบ่งเป็น 2 กลุ่มตามกรณีและกลุ่มควบคุม ผลการศึกษาพบว่าความผิดปกติของการนอนหลับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
และอีกหนึ่งตัวอย่างการศึกษาทางคลินิกของ Li et al ในไต้หวันเกี่ยวกับการประเมินประสิทธิภาพของการนวดกดจุดสะท้อนในการปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับของสตรีหลังคลอดที่มีปัญหาการนอนหลับ (Midwifery. 2011 Apr; 27(2):181-6.) สรุปผลได้ว่าการนวดกดจุดสะท้อนเท้าในช่วงหลังคลอดช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับได้อย่างมีนัยสำคัญ
การใช้น้ำมันนวดฝ่าเท้าก่อนนอนเพื่อร่างกาย
จากงานวิจัยมากมายสามารถบอกได้ว่าการนำน้ำมันเข้ามาใช้ในการนวดร่วมด้วยหรือที่เรียกว่า สุคนธบำบัด เป็นการใช้น้ำมันหอมระเหยในการบำบัดโดยการสูดกลิ่นหรือซึมผ่านทางผิวหนังขณะนวด ซึ่งน้ำมันระเหยจะมีสรรพคุณแตกต่างกันออกไปตามแต่ละชนิด ไม่ว่าจะเป็น ในเรื่องของการบรรเทาความเครียด เพิ่มสมาธิ กระตุ้นพลังบวก และนอนหลับได้ดีขึ้น เช่น น้ำมันหอมระเหยกลิ่นตะไคร้ ช่วยทำให้ผ่อนคลาย และความเมื่อยแล้วยังช่วยลดบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการคันเท้าได้ดีอีกด้วย เรียกได้ว่าการใช้น้ำมันนวดฝ่าเท้าก่อนนอนนั้นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้ร่างกายและใจแข็งแรงขึ้น เปรียบเสมือนการได้ชาร์จพลังพร้อมที่จะตื่นขึ้นมารับวันใหม่ด้วยความสดชื่นและพลังบวกเต็มเปี่ยมอย่างแท้จริง
การใช้น้ำมันนวดฝ่าเท้าก่อนนอนสามารถทำเองได้ง่าย ๆ เริ่มต้นจาก
ทำความสะอาดเท้าด้วยการสครับหรือขัดจากนั้นแช่เท้าในน้ำอุ่นประมาณ 15 นาที โดยผสมน้ำมันหอมระเหยลงไป 1 ฝา จะช่วยปลอบประโลมความเหนื่อยล้าและสดชื่นมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการการกระตุ้นให้เลือดหมุนเวียนได้ดีขึ้นและบำรุงผิวไปในตัว จากนั้นจึงเช็ดเท้าให้แห้งเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ขั้นตอนถัดไป
ทาน้ำมันนวดทั่วบริเวณฝ่าเท้าแล้วเริ่มต้นนวดเบา ๆ ประมาณ 10 นาทีเพื่อให้เข้าถึงความผ่อนคลาย
ออกแรงกดฝ่าเท้าด้วยการใช้นิ้วหัวแม่มือนวดไล่ไปในทิศทางเดียวกันจนถึงบริเวณปลายนิ้วเท้า แล้วจึงไล่กดบริเวณกลางฝ่าเท้า ทำซ้ำกันเช่นนี้ไปมา
ปิดท้ายด้วยการนวดคลึงเบา ๆ ที่จมูกเท้าและนิ้วเท้าแต่ละนิ้วไปมา แล้วจึงทำเช่นเดียวกันกับฝ่าเท้าอีกข้าง
นั่งพักสักครู่เพื่อให้สัมผัสถึงความสบายและความผ่อนคลายจากการนวดอย่างแท้จริง
อย่าลืมให้เวลาดูแลตัวเองหลังจากเมื่อยล้ามาทั้งวันด้วยการนวดฝ่าเท้าก่อนนอนโดยให้ผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหยจาก Satira เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการบ犀利士
ำบัดฟื้นฟูทั้งสุขภาพกายและใจ สามารถเลือกชมผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ satirathai.com
อาการนอนไม่หลับ (Insomnia) เรียกได้ว่าเป็นปัญหาที่ใครหลายคนต้องเคยพบเจอกันอยู่หลายค่ำคืน ซึ่งต่อให้จะทำยังไงก็นอนไม่หลับสักที กว่าจะได้นอนหลับสนิทดี ๆ นั้นก็ผ่านไปแล้วหลายชั่วโมง แถมยังทำให้นาฬิกาชีวิตของเราแปรปรวน ส่งผลให้สุขภาพกายและสุขภาพจิตได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
สาเหตุของอาการนอนไม่หลับ
สาเหตุส่วนใหญ่ของอาการนอนไม่หลับ (Insomnia) ในปัจจุบันนั้นมักเกิดจากการใช้ชีวิตที่ต้องแข่งขันกับเวลาอยู่เสมอ ความเครียด ความกดดัน หรือแม้แต่ความกังวลจากภาระหน้าที่ในแต่ละวันเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังเกิดได้จากอาการปวดเมื่อยตามตัว ปวดหลัง รู้สึกไม่ผ่อนคลายทำให้นอนหลับไม่ลงได้เช่นกัน
ทางออกของปัญหานอนไม่หลับ
สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหากับอาการนอนไม่หลับอยู่ ลองหันมาใช้ตัวช่วยอย่างน้ำมันหอมระเหยที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น อโรมาเธอราพี (Aroma Therapy) ที่ได้รับความนิยมตั้งแต่ประวัติศาสตร์อันยาวนานในด้านการรักษาและการบำบัด ถือเป็นศาสตร์เก่าแก่ของโลกด้วยคุณสมบัติในการปลอบประโลมและให้ความผ่อนคลาย ส่งเสริมให้สุขภาพจิตและสุขภาพกายดีขึ้นด้วยกลิ่นหอมเฉพาะจากพืชพันธุ์แต่ละชนิด ทำให้น้ำมันหอมระเหยกลายมาเป็นผู้ช่วยสำคัญสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านการนอนหลับใน เนื่องจากเป็นทางลัดที่รวดเร็วและและง่ายต่อการเตรียมตัวพักผ่อนนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพ
น้ำมันหอมระเหยทำงานอย่างไร ?
การทำงานของน้ำมันหอมระเหยที่จะเข้าสู่ร่างกาย นั้นจะมีทั้งทางการสูดดมโดยตรง , การทำให้มันซึมผ่านเข้าสู่ผิวหนังด้วยการนวด การแช่น้ำ หรือผสมในครีมบำรุงผิว ซึ่งการซึมผ่านการนวด แช่ หรือการรับประทาน จะทำให้น้ำมันสามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือดที่ซึ่งมีผลต่อคุณสมบัติของการบำบัดรักษาได้
ภาพ. วิธีการนำนำ้มันหอมระเหยเข้าสู่ร่างกาย (A) การสูดดม (B) การดูดซึมผ่านทางผิวหนัง (C) การรับประทาน (ref : วิจิตรา หลวงอินทร์, (2017). สุคนธบำบัดจากนำ้มันหอมระเหย.)
วิธีการนำนำ้มันหอมระเหยเข้าสู่ร่างกาย
การสูดดม : เนื่องจากสภาพที่ระเหยได้ง่ายของน้ำมันหอมระเหย เราจึงสามารถ
สูดดมเข้าไปได้โดยผ่านทางเดินหายใจและ ปอด ซึ่งจะกระจายนำ้มันหอมระเหยเข้าสู่กระแสเลือด โดยส่วนใหญ่แล้ว ทางเดินหายใจนั้นถือเป็นช่องทางที่รวดเร็วที่สุดใน การนำนำ้มันหอมระเหยเข้าสู่ร่างกาย (Moss et al., 2003) และรองลงมา คือ ทางผิวหนัง
การดูดซึมผ่านทางผิวหนัง : สารประกอบของนำ้มันหอมระเหยนั้นสามารถ
ละลายได้ในไขมัน ดังนั้นจึงสามารถซึมผ่าน เนื้อเยื่อของผิวหนังซึ่งมีองค์ประกอบเป็นชั้นฟอสโฟลิปิดสองชั้น (phospholipid bilayer) ก่อนที่จะถูกดักจับเอาไว้ด้วยกระบวนการไหลเวียนของเส้นเลือดฝอย และดูดซึมเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิต ซึ่งจะเดินทางเข้าถึงอวัยวะเป้าหมายทุกส่วน (Baser & Buchbauer, 2010)
การรับประทาน : การรับประทานน้ำมันหอมระเหยเข้าทางปากนั้นนจำเป็นต้องกระ
ทำด้วยความเอาใจใส่และระมัดระวัง เนื่องจากภาวะที่อาจจะเป็นพิษได้ของนำ้มันบางชนิด สารประกอบน้ำมันหอมระเหยและ/หรือเมแทบอไลต์ของน้ำมันหอมระเหยที่ถูกรับประทานเข้าไป จะถูกดูดซึมเช้าสู่ทางกระแสเลือดในช่องท้องแล้วถูกกระจายไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายต่อไป
ทางด้านการนอนหลับ (sleep) จากการศึกษา ของ Lillehei ศึกษาแบบแปะ ซึ่งผลของการสูดดมนำ้มันหอมระเหยลาเวนเดอร์ต่อคุณภาพการนอนหลับในกลุ่มตัวอย่าง 79 คน พบว่าในกลุ่มที่วางแผ่นแปะนำ้มันหอมระเหยลาเวนเดอร์ที่หน้าอก มีคุณภาพการนอนหลับดีขึ้น โดยมีการติดตามผลเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ ในขณะที่ Ozkaraman ศึกษาแบบ RCT ผลของน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ ต่อคุณภาพการนอนหลับของผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบำบัด 70 คน พบว่าหลังการทดลองในกลุ่มที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์มีค่าคะเเนนการนอนหลับที่วัดด้วย State-trait anxiety inventory และ The pittsburgh quality sleep index (PSQI) มีความแตกตางกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คือมีความวิตกกงวลลดลงและนอนหลับดีขึ้น
Satira ขอแนะนำ น้ำมันหอมระเหยที่คัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดจากวัตถุดิบธรรมชาติ นำมาผสมผลานจนได้น้ำมันหอมระเหยที่มีประโยชน์หลากหลาย ผู้ที่เป็นภูมิแพ้หรือหายใจไม่ออกก็สามารถใช้ช่วยให้การนอนหลับของเป็นไปอย่างผ่อน
คลายและนอนหลับได้ดียิ่งขึ้นเช่นกัน ดังนี้
Lavender
ช่วยให้การนอนหลับเป็นไปอย่างผ่อนคลาย สัมผัสได้ถึงความสงบ หลังความเหนื่อยล้าจากวันที่ว้าวุ่น
Ylang Ylang กลิ่นหอมอบอวลอันเป็นเอกลักษณ์ช่วยบรรเทาความเครียดและอาการนอนไม่หลับ อีกขั้นของความรู้สึกผ่อนคลาย Jasmine
ช่วยจัดการวันที่หม่นหมอง รวมถึงอารมณ์ซึมเศร้า พร้อมกระตุ้นอารมณ์ให้มีแรงใจและพลังบวกรับความสดชื่นเมื่อตื่นนอน
Warm Vanilla
ช่วยคลายความรู้สึกกังวลได้เป็นอย่างดี และยังช่วยเพิ่มสมาธิให้กับเรา ทำให้เข้าถึงความสงบได้ง่ายขึ้นก่อนเข้านอน
วิธีการใช้น้ำมันหอมระเหยเพื่อการนอนหลับที่มีประสิทธิภาพ
ใช้น้ำมันหอมระเหยโดยตรง
ผสมน้ำมันเบสออยล์ด้วยสัดส่วนน้ำมันหอมระเหย 5-10 หยด ต่อน้ำมัน 100 มล. เพื่อไม่ให้ระคายเคืองผิว
จากนั้นหยดลงบนฝ่ามือแล้วถูตามเข็มนาฬิกาแล้วค่อย ๆ สูดดมกลิ่นหอม หรือใช้น้ำมันหอมระเหยบริเวณข้อมือหรือหลังใบหูเป็นอีกวิธีในการผ่อนคลายก็ได้เช่นกัน
ใช้น้ำมันหอมระเหยกับเครื่องกระจายกลิ่นDiffusers จะช่วยกระจายความหอมจากน้ำมันหอมระเหยไปในอากาศให้อบอวลทั่วห้องได้ยาวนานหลายชั่วโมงใช้น้ำมันหอมระเหยในอ่างอาบน้ำ หรือผสมลงในครีมบำรุงผิว
ผสมน้ำมันหอมระเหย 5 –10 หยดกับเจลอาบน้ำแล้วค่อย ๆ เติมน้ำเพียงเท่านี้ก็พร้อมแช่น้ำอุ่นไปกับกลิ่นหอมอันแสนผ่อนคลาย
อย่างไรก็ตาม น้ำมันหอมระเหย นั้นไม่สามารถรักษาโรคนอนไม่หลับได้โดยตรง เพียงแต่ช่วยให้ผ่อนคลาย ลดความเครียดความกังวลต่าง ๆ ที่เผชิญมาในแต่ละวัน ทำให้นอนหลับได้ง่ายมากขึ้น หากมีอาการนอนไม่หลับเรื้อรังควรเข้ารับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
หากพูดถึงเกาะสมุยคงหนีไม่พ้นเรื่องความสวยงามของชายหาดและน้ำทะเลทอแสงเป็นประกายเมื่อแสงจากพระอาทิตย์ตกกระทบชวนให้ไปสัมผัสและน่าค้นหา และนอกเหนือจากชายหาดที่สวยงาม แต่รู้หรือไม่? เกาะสมุยถือว่าเป็นเกาะขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศไทยและยังเป็นเกาะที่มีการปลูกมะพร้าวมากที่สุดในประเทศ เป็นระยะเวลามากกว่าร้อยปีมาแล้ว มะพร้าวบนเกาะสมุยแห่งนี้ถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเกาะสมุย
รู้หรือไม่ทำไมต้องเป็นมะพร้าวจากสมุย?
นั่นเพราะว่ามะพร้าวที่ปลูกบนเกาะแห่งนี้มีผลที่โต เนื้อหนา รสชาติอร่อย มีกลิ่นหอมหวานชื่นใจจนส่งออกไปขายทั่วประเทศ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์สกัดเย็นออร์แกนิคที่มีวิธีการสกัดตามหลักการตามธรรมชาติ
กว่าจะมาเป็นน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
กรรมวิธีการผลิตน้ำมันมะพร้าวออแกนิคสกัดเย็นด้วยวิธีหมักบ่มที่เป็นเอกลักษณ์และภูมิปัญญาที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นเป็นการสกัดน้ำมันจากเนื้อมะพร้าวสดโดยการหมักน้ำกะทิให้น้ำมันแยกออกจากกะทิเอง โดยไม่ได้ผ่านกระบวนการที่ใช้ความร้อนและไม่ผ่านกระบวนการแปรรูปทางเคมีใดๆทั้งสิ้น จึงทำให้ได้น้ำมันมะพร้าวที่บริสุทธิ์ มีคุณภาพที่ดี
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นแบบออร์แกนิคต่างจากน้ำมันมะพร้าวแบบอื่นอย่างไร ก่อนอื่นขอบอกก่อนเลยว่าประเภทของน้ำมันมะพร้าวนั้น ปัจจุบันสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. น้ำมันมะพร้าวแบบธรรมดาหรือที่เรียกกันติดปากว่าน้ำมันมะพร้าวสกัดร้อน ซึ้งต้องผ่านกระบวนการความร้อนและผ่านกระบวนการแปรรูปทางเคมี และประเภทที่
2 คือน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์หรือน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ที่ได้จากการสกัดโดยวิธีทางธรรมชาติ หรือการบีบโดยไม่ผ่านความร้อน
ไขความลับคุณค่าความงามจากมะพร้าวสมุย
น้ำมันมะพร้าวออแกนิคสกัดเย็น ที่ได้มาจากการหมักบ่มด้วยความเย็นให้น้ำกะทิแยกชั้น ทำให้ได้น้ำมันมะพร้าวธรรมชาติ เข้มข้นกว่าการใช้เครื่อง Centrifuge (เครื่องมือใช้แยกของเหลวออกจากของแข็งที่มีความถ่วงจำเพาะต่างกันให้เกิดการแยกชั้น) และยังคงคุณค่าวิตามิน สารต่อต้านอนุมูลอิสระไว้ได้อย่างเข้มข้นด้วยสูงสุด นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่โดดเด่น ดังนี้
สร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้เป็นอย่างดี
มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื้น และเก็บรักษาความชุ่มชื้นในชั้นผิวหนังเอาไว้
มีวิตามินอี ช่วยป้องกันและรักษาฝ้า และ กระ อนุมูลอิสระ
มีกรดลอริก ช่วยจัดการแบคทีเรียบนใบหน้า ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดสิวเรื้อรัง
บำรุงเส้นผมและช่วยลดการสูญเสียโปรตีนของเส้นผมได้ดี
ช่วยทำให้ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ
แก้ปัญหาผิวแห้ง ผิวลอก ทำให้แต่งหน้าติดทนตลอดวันและไม่ตกร่อง
ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ รวมถึงปัญหาผิวไหม้จากแสงแดด
จัดการรอยคล้ำบริเวณรอบดวงตาได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ขนตาเรียวยาวได้อีกด้วย
บำรุงสุขภาพเล็บ ฝ่ามือ และเท้าได้เป็นอย่างดี
ซึ่งน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นจากสมุยถือเป็นสารสกัดสำคัญของทางแบรนด์ Satira เราได้เล็งเห็นถึงคุณสมบัติและคุณค่าอันเต็มเปี่ยมของมะพร้าวสมุย เพื่อให้ลูกค้าได้รับการบำรุงสูงสุดจากการตั้งใจคัดสรร ประกอบกับโอกาสในการสนับสนุนชาวสวนไทยอย่างแท้จริง จึงได้พัฒนาและรังสรรค์ผลิตภัณฑ์คอลเลคชั่น ‘Samui Coconut’ ประกอบด้วย
Samui Coconut 3 in 1 Shampoo, Body Wash, Bubble Bath ผสานสารสกัดธรรมชาติหลากชนิด อาทิ โปรตีนรังไหม ว่านหางจระเข้และน้ำมันมะพร้าวออแกนิคจากเกาะสมุย
Samui Coconut Creamy Body Scrub สครับขัดผิวเนื้อครีม อ่อนละมุนอุดมด้วยคุณค่าสารสกัดธรรมชาติของมะพร้าว ว่านหางจระเข้ และน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นบริสุทธิ์ ให้คุณได้เผยผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัสได้อย่างง่ายดาย
Samui Coconut Intensive Moisturizing Body Lotion เนื้อโลชั่นเข้มข้นแต่ซึมซาบได้อย่างรวดเร็ว เพื่อเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว พร้อมเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่เซลล์ผิว ทั้งเชียบัทเทอร์ น้ำมันมะพร้าวออแกนิค น้ำมันรำข้าวออแกนิค และสารสกัดโปรตีนรังไหม
Samui Coconut Nourishing Hand Cream ครีมบำรุงผิวมือที่อุดมไปด้วยส่วนผสมอันทรงคุณค่าจากธรรมชาติ ที่พร้อมบำรุงผิวให้เนียนนุ่มพร้อมคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องและเติมความชุ่มชื่นให้ผิวนุ่มนวลน่าสัมผัสไปอีกระดับ
แน่นอนว่าที่ขาดไม่ได้เลยคือน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ยอดนิยมจากมะพร้าวสมุยโดยเฉพาะ อย่าง Samui Coconut Organic Virgin Coconut Oil น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์สกัดจากเนื้อมะพร้าวบนเกาะสมุยที่มีคุณภาพ ไม่ผ่านความร้อนและสารเคมี ช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่มดูอ่อนวัย และยังช่วยบำรุงเส้นผมให้สุขภาพดี เงางาม ส่วน Samui Coconut Massage Oil นั้นเป็นน้ำมันนวดผิวกายสูตรพิเศษที่มีส่วนผสมของน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นออแกนิค น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว น้ำมันสวีทอัลมอนด์และวิตามินอี ผสานกับน้ำมันหอมกลิ่นมะพร้าวและมัสก์ ช่วยผ่อนคลายจากวันที่เหนื่อยล้าโดยเฉพาะ เต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นหอมหวานเสมือนอยู่ระหว่างการพักผ่อนในหน้าร้อนบนเกาะส่วนตัว
นอกจากนี้ยังมี Samui Coconut Mini Set รวมไว้ด้วยกลิ่นหอมของมะพร้าว และคุณประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ออร์แกนิก เหมาะสำหรับเป็นของขวัญให้ตัวเองหรือบุคคลที่คุณรักหากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องการได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึกด้วยสารสกัดธรรมชาติและวิตามินจากมะพร้าวสมุยไปพร้อมกับการสนับสนุนชาวสวนไทยต้องไม่พลาดผลิตภัณฑ์คอลเลคชั่น ‘Samui Coconut’ จาก Satira สามารถรับชมผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ satirathai.com
ท่ามกลางสมุนไพรที่อุดมไปด้วยคุณสมบัติและประโยชน์ที่แตกต่างออกไปกันมากมาย แน่นอนว่าหนึ่งในสมุนไพรที่จะไม่เอ่ยถึงไม่ได้เลยคือ ใบบัวบก หรือ Cica ซึ่งมีการนำเอาสารสกัดใบบัวบก (Centella Asiatica) ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าดีต่อสุขภาพอย่างแท้จริง นอกจากนี้ Centella Asiatica ยังใช้เป็นส่วนผสมสำคัญๆ ในหลายผลิตภัณฑ์ของการดูแลผิวที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน
Satira จึงแอบมากระซิบเผยความลับพิเศษอย่างพลังของใบบัวบกต่อผิวพรรณ
ทำความรู้จักใบบัวบก
ใบบัวบก หรือ Centella Asiatica คือพืชสมุนไพรพบมากในแถบยุโรป แอฟริกาใต้ อินเดีย ปากีสถาน ศรีลังกา ตลอดจนไทยเอง มีขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด หรือตักแยกไหลที่มีต้นอ่อนและราก โดยใบบัวบกเป็นไม้ล้มลุกประเภทเลื้อยที่เรียกได้ว่ามีสรรพคุณและประโยชน์ทั้งใบ ต้น และเมล็ด มีส่วนประกอบสารประเภทไตรเทอร์ปินอยด์ ไกลโคไซด์ ที่ให้ประโยชน์ทางการแพทย์มากมาย นอกจากใบบัวบกจะเป็นที่ขนานนามว่าช่วยใช้เป็นยาภายนอกรักษาแผลเปื่อย แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก หรือแก้ช้ำในแล้ว ก็ยังดีต่อการบำรุงผิวพรรณและได้รับความนิยมและการยอมรับในการนำมาเป็นหนึ่งในส่วนผสมของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอีกด้วย
ใบบัวบกดีต่อผิวพรรณอย่างไร
ความลับอันเป็นเหตุผลที่ทำให้สารสกัดใบบัวบก (Centella Asiatica) ได้กลายมาเป็นสมุนไพรแห่งความงามหรือเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณมากมายนั้นมีอะไรบ้าง มาดูกัน
ต้านริ้วรอย คืนความอ่อนเยาว์
ในใบบัวบกจะมีส่วนประกอบสารประเภทไตรเทอร์ปินอยด์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างและลดการสลายของคอลลาเจนซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อผิวหน้า เพราะเมื่อยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่คอลลาเจนที่ผลิตได้ก็จะยิ่งน้อยลง ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของใบบัวจึงถือเป็นทางเลือกที่ดี
ลดสิว เพื่อผิวเรียบเนียน
เพื่อผิวเรียบเนียน ไร้สิว จะขาดใบบัวบกไปไม่ได้ เพราะใบบัวบกช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว ให้เกิดการซ่อมแซมผิวและเสริมสร้างชั้นบนของผิวทำให้ผิวแข็งแรง ลดการเกิดสิว อีกทั้งยังสามารถป้องกันผิวหน้าจากการถูกแสงแดดทำร้ายได้เป็นอย่างดี ใครที่ต้องเดินทางบ่อย ๆ ต้องลอง
บอกลาใต้ตาหมองคล้ำ
ใบบัวบกมี Anti-Oxidant สูง สามารถช่วยจัดการความหมองคล้ำของผิวหน้าและบริเวณใต้ดวงตาได้เป็นอย่างดี รับรองว่าใครที่เป็นสายโต้รุ่งบ่อย ๆ ทำงานหรือเรียนหามรุ่งหามค่ำต้องถูกใจหลงรักใบบัวบกกันอย่างแน่นอน
ซึ่งผลิตภัณฑ์เพื่อผิวพรรณโดยเฉพาะของ Satira เองล้วนมีสารสกัดใบบัวบกเป็นส่วนประกอบหลัก เพื่อต่อต้านริ้วรอย ฟื้นฟูผิว ปรับสภาพความสมดุลผิวและเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าได้เป็นอย่างดี ดูแลตั้งแต่การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก หรือการดีทอกซ์ผิวพร้อมการบำรุงผิวในตัว ทั้งยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นและลดริ้วรอยให้แก่ผิว ทำให้ผิวมีความสดใส นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมจากสารสกัดสมุนไพรธรรมชาติที่ช่วยแก้ปัญหาผิวไปพร้อม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น อโรเวล่า ฟื้นบำรุงผิวแห้งเสียผิวที่ขาดความชุ่มชื้น ลดการระคายเคืองผิวแสบร้อนจากแดด น้ำผึ้งที่ช่วยช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว หรือแม้แต่โสมและใบแป๊ะก๊วยซึ่งทำให้ผิวที่อ่อนแอหมองคล้ำกระชับปรับสมดุลให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวิตามินเอซึ่งช่วยในการผลัดเซลล์ผิว และจัดการปัญหาใบหน้าได้เป็นอย่างดี
โดยสามารถใช้ได้เป็นประจำทุกวันเพราะอ่อนโยนเหมาะกับทุกสภาพผิว สาว ๆ คนไหนที่รู้ความลับของใบบัวบกแบบนี้แล้วต้องการปลอบประโลมและผ่อนคลายผิวพรรณบอกเลยว่าห้ามพลาด! สามารถเลือกชมผลิตภัณฑ์เพื่อผิวหน้าได้ที่ https://satirathai.com/product-category/skincare-th/
ทุกวันนี้ล้วนมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการโดยเฉพาะรวมถึงสภาพผิวหน้าแต่ละแบบให้เลือกกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำตบ โทนเนอร์ ครีมบำรุงหรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ให้ได้ใช้กัน แน่นอนว่าหลัก ๆ แล้วคงหนีไม่พ้นเรื่องของสิวและริ้วรอยที่ทุกคนกังวลและให้ความสำคัญกันเป็นส่วนใหญ่ จนลืมให้ความสำคัญกับความชุ่มชื้นของผิวหน้า ซึ่งเป็นปราการสำคัญในการปกป้องผิว โดยสามารถเสริมความชุ่มชื้นนี้ได้ด้วย Face Oil หรือ น้ำมันบำรุงผิวหน้า ซึ่งบทความนี้จะพาทุกคนทำความรู้จัก Face Oil ให้มากขึ้น และบอกรักตัวเองผ่านการดูแลผิวหน้าด้วยการเพิ่มความชุ่มชื้นไปกับ Face Oil
Face Oil คืออะไร ดียังไง ?
Face Oil หรือ น้ำมันบำรุงผิวหน้า คือหนึ่งในผลิตภัณฑ์นอกเหนือจากเซรั่มหรือแอมพลู ที่ช่วยเสริมสร้าง ฟื้นฟู และกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า เป็นเกราะป้องกันผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าแข็งแรงมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันและให้วิตามินรวมถึงสารสำคัญต่อผิว เพียงหยดลงบนฝ่ามือและนวดให้ทั่วบริเวณใบหน้าเบา ๆ ยิ่งถ้าหากเป็น Face Oil ที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยหรือสมุนไพรแล้วละก็จะช่วยทำให้ผ่อนคลายจากวันที่เหนื่อยล้าได้มากขึ้น เรียกว่าหายเป็นปลิดทิ้ง เพราะนอกจากจะทำให้สุขภาพผิวหน้าดีแล้ว สุขภาพจิตยังดีตามไปด้วย
Face Oil เหมาะกับคนผิวแบบไหน ?
หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าขึ้นชื่อว่า Face Oil ก็ต้องเหมาะกับคนที่มีผิวหน้าแห้งสิ แต่ความจริงแล้วการใช้น้ำมันบำรุงผิวหน้าไม่ได้เหมาะกับคนที่มีผิวแห้งเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะมีสภาพผิวเป็นเช่นไรก็สามารถใช้น้ำมันบำรุงผิวหน้าได้ทั้งนั้น
ถ้าหากคุณเป็นคนผิวมันหรือผิวผสม การใช้ Face Oil จะช่วยรักษาความสมดุลของผิวให้ดีขึ้นโดยการปรับสมดุลความมันส่วนเกิน ลดปัญหาต้นตอของการเกิดสิว ซึ่งในขณะเดียวกันก็รักษาความอวบอิ่มของผิวหน้าไว้ด้วย
ถ้าหากคุณเป็นคนผิวแห้ง การใช้ Face Oil จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ป้องกันการสูญเสียน้ำในชั้นผิว รวมถึงยังช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นของผิวและกระตุ้นให้ผิวเปล่งปลั่งได้
ทำไมผิวของเราถึงเสียความชุ่มชื้น ?
เนื่องจากผิวหน้าของเรามีการผลิตน้ำมันซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่เมื่ออายุมากขึ้นการผลิตน้ำมันที่ว่านั่นก็จะลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ซึ่งอาจทำให้ผิวมีลักษณะแห้งกร้าน และทรุดโทรม ดังนั้นการใช้ Face Oil หรือ น้ำมันบำรุงผิวหน้าเข้ามารักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าจึงเป็นวิธีที่ดีต่อผิวหน้า และยังทำให้ไม่เกิดการอุดตันของรูขุมขนอีกด้วย
สำหรับผู้สนใจอยากเริ่มต้นเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ขอแนะนำ Precious Face Essence ที่ต้องบอกเลยว่าดีต่อผิวและดีต่อใจ สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมอย่างน้ำมันหอมระเหยกุหลาบดามัสก์ และวิตามินซีบริสุทธิ์ เพื่อผิวหน้ากระจ่างใสและอ่อนเยาว์โดยน้ำมันหอมระเหยกุหลาบบริสุทธิ์จะช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากวันที่เหนื่อยล้าด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ พร้อมปลอบประโลมผิวและทำให้ผิวอ่อนเยาว์ขึ้นไปอีกระดับ อีกทั้งยังมีสารสกัดจากใบบัวบกช่วยกระตุ้นการไหลเวียนและการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ประกอบกับกวาวเครือขาวช่วยนำความชุ่มชื้นและความอ่อนเยาว์กลับคืนสู่ผิว และอุดมไปด้วยอีมอลเลียนท์ที่ ช่วยลดความเสียดทาน ทำให้ผิวนุ่มเนียนลื่นมือเวลาสัมผัสได้และช่วยต้านอนุมูลอิสระเป็นอย่างดี เพียงแค่วอร์มน้ำมัน 1 - 2 หยดบนฝ่ามือ แล้วลูบไล้ลงบนผิวหน้าโดยเลื่อนจากกึ่งกลางใบหน้าไปยังขมับในแนวยกขึ้น ทำซ้ำทั่วใบหน้าจนซึมซาบก็จะรู้สึกและสัมผัสได้ถึงความชุ่มชื้น นอกจากนี้ความพิเศษของ Precious Face Essence คือสามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งต่างจาก Face Oil บางตัวที่เหมาะจะใช้แค่ช่วงก่อนนอนเท่านั้น