Category: Blog
เซ็งมาก! อากาศเย็นทีไร จากผิวสวย กลายเป็น ผิว (แห้ง) เสียทุกที ทำไงดี
อากาศเปลี่ยนเข้าหน่อย อากาศเย็นขึ้นเพียงนิดเดียว กลายเป็นผิวต้องแห้งเสียมันทุกที ทำยังไงดี?
หลายคนคงเฟลกับอากาศหนาวเย็น เพราะจากผิวสวย ๆ กลายมาเป็นผิวแห้งเสียทุกครั้งที่อากาศเริ่มเย็นลง หรือเข้าสู่หน้าหนาว จนทำเอาหลายคนไม่ชอบหน้านี้ไปเลย ถึงแม้ว่ามันจะเย็นสบายก็เถอะ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การทำความเข้าใจกลไกของผิวที่ส่งผลจากสภาพอากาศ และค่อย ๆ แก้ไขไปทีละปัญหา สามารถแก้ปัญหาผิวแห้งเสีย แห้งกร้านในช่วงที่อากาศเริ่มเย็นลง รวมไปถึงปัญหาผิวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้อย่างแน่นอน
ทำไม? พอหนาวทีไร ผิวถึงแห้งผิดปกติทุกที
สิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจก่อนเลยคือเรื่องของ “อากาศ” ค่ะ เมื่ออากาศเริ่มเย็นลง จะทำให้อากาศมีความชื้นสัมพัทธ์ลดลง เมื่อความชื้นลดลงการสูญเสียน้ำออกจากผิวก็จะเพิ่มมากขึ้น โดยปกติคนไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญกับความชุ่มชื้น การใช้ออยล์ หรือมอยเจอร์ไรเซอร์ในการเติมเต็มความชุ่มชื้นมากเท่าที่ควรอยู่แล้ว ในช่วงอากาศปกติอาจจะไม่เห็นผลกระทบชัดเจนเท่าไร แต่เมื่อไรที่เริ่มเข้าสู่หน้าหนาว อากาศเริ่มเย็นลง ผิวจึงถูกดูดน้ำออกไปจากผิว ทำให้ผิวแห้ง หยาบ กร้าน เมื่อผิวอยู่ในสภาวะที่แห้งหนักมาก ๆ เข้าก็จะเกิดอาการคัน มีผื่น เป็นขุย ผิวเริ่มแสบ แดง และมีโอกาสแตกเป็นแผลและติดเชื้อแทรกซ้อนได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้มีโอกาสเกิดปัญหาผิวแห้งเสีย เกิดขึ้นได้จากหลาย ๆ อย่าง อาทิ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นความเป็นด่าง อาบน้ำอุ่นจัด ไม่มีการใช้โลชั่น หรือเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ดื่มน้ำน้อย หรืออาจจะเป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมอย่าง อายุ มีโรคประจำตัว หรือมีปัญหาผิวหนังไม่ปกติเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
นอกจากนี้ฝุ่นที่มาพร้อมกับอากาศหนาวเย็น ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผิวไม่สดชื่น และเกิดปัญหาการระคายเคือง แห้งเสียอีกด้วย
ไม่อยากผิวเสีย ต้องทำตามด่วน!
ถึงแม้ว่าสาเหตุของการเกิดปัญหาผิวแห้งเสียจากอากาศที่หนาวลง จะมีปัจจัยที่เกิดขึ้นจากตัวเอง หรือเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ก็ตาม คุณสามารถหยุดปัญหา คงความสวยของผิว หรือเติมความชุ่มชื้นให้ผิวฉ่ำ อ่อนนุ่ม ไม่แห้งกร้านได้ง่าย ๆ
ผ่านการดูแลผิว 3 Step ฟื้นฟู - บำรุง - กักเก็บความชุ่มชื้น
สามสเต็ปนี้ง่าย ๆ สามารถใช้ได้ทั้งผิวหน้า และผิวกายเลยค่ะ
ดูแลผิวหน้า บอกลาความแห้งกร้านช่วงหน้าหนาว
หลายคนที่มองข้ามกลุ่มมอยเจอร์ไรเซอร์ไป ก็จะมาเห็นความสำคัญเอาช่วงเวลานี้เนี่ยแหละ ทำให้ติดเป็นนิสัย หมั่นเติมความชุ่มชื้นให้ผิวตลอดเวลา ไม่ว่าอากาศจะเป็นอย่างไร จะร้อนหรือหนาวก็ตาม
แนะนำ : เริ่มต้นการบำรุงผิวด้วยการเติมความชุ่มชื้นผ่านกลุ่มน้ำตบ หรือเอสเซ้นต์อย่าง
Botanical Skin Nourishing Lotion วิธีใช้แนะนำให้ตบผลิตภัณฑ์ลงผิวจนกว่าผิวจะรู้สึกถึงความนุ่มเด้ง ชุ่มชื้นแตกต่างจากผิวหน้าก่อนใช้ เพื่อให้การใช้เซรั่ม หรือมอยเจอร์ไรเซอร์ในขั้นตอนถัดไปเป็นการบำรุง และกักเก็บความชุ่มชื้นในผิวให้ได้มากที่สุดแทน
Botanical Skin Nourishing Lotion เป็นโลชั่นที่มีส่วนผสมของอโรเวล่า และ Hyaluronic Acid เน้นเรื่องช่วยปกป้อง และฟื้นบำรุงผิวแห้งเสียผิวที่ขาดความชุ่มชื้นโดยตรง ช่วยลดการระคายเคืองผิวแสบร้อนจากแดด ผิวแห้งแตกจากอากาศเย็น มีส่วนผสมของน้ำผึ้ง ตอบโจทย์ในเรื่องคืนความยืดหยุ่น ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว และยกกระชับผิวให้สดชื่น อุดมไปด้วยวิตามิน A และ ใบบัวบก (Centella Asiatica) เน้นเรื่องทำงานเพื่อต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย และฟื้นฟูผิว
และในเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา สถิราได้ทำการทดสอบผลิตภัณฑ์กับอาสาสมัคร พบว่าหลังจากใช้ Botanical Skin Nourishing Lotion ความชุ่มชื้นของผิวเพิ่มขึ้นหลังใช้ทันที 75% เพิ่มขึ้นหลังใช้นาน 14 วัน เป็น 81.25% และการสูญเสียน้ำของผิวลดลงทันทีหลังใช้ 87.50%
นอกจากนี้ Precious Face Essence ก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวได้เป็นอย่างดีเช่นกัน ผสมผสานน้ำมันหอมระเหยกุหลาบ 100% และวิตามินซีบริสุทธิ์ ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและอ่อนเยาว์ พร้อมด้วยใบบัวบก และกาวเครือขาว เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
ผิวกายห้ามละเลย รู้ตัวอีกทีผิวแตก แสบได้เลยนะ
บางคนให้ความสำคัญกับผิวหน้ามากเกินไป จนรู้ตัวอีกที แขนขาแห้งแตก ผิวสากจนขึ้นขุยสีขาว ผิวแห้งระยะสุดท้ายไปแล้ว ซึ่งการมาถึงจุดนี้มีโอกาสที่ผิวจะอักเสบ แดง คัน ได้ทุกเมื่อ การเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ฟื้นฟู - บำรุง - และกักเก็บ จึงจะกลายเป็นการเซฟผิวกายให้ดูนุ่ม ชุ่มชื้น ผิวอิ่มน้ำได้แม้กระทั่งอากาศเปลี่ยน
เริ่มต้นจากการอาบน้ำ หากทำได้ แนะนำเลยว่าอย่าอาบน้ำที่อุ่นจนเกินไป ยิ่งน้ำอุ่นมากเท่าไร ยิ่งจะเป็นการพรากความชุ่มชื้นออกไปจากผิว
ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่เป็นด่าง ผิวไม่เอี๊ยด และโดดเด่นในเรื่องช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างเป็นธรรมชาติอย่าง Glycerin Mangosteen soap ตัวนี้จะทำจากกลีเซอรินธรรมชาติ มีวิตามินอีจากน้ำมันมะกอก และเชียบัทเทอร์ อ่อนโยน เติมความชุ่มชื้นให้ได้กับทุกสภาพผิว หรือสำหรับคนที่อยากได้ความชุ่มชื้นตั้งแต่ขั้นตอนอาบน้ำ แนะนำใช้ออยล์อาบน้ำ Satira Milk Bath & Body Oil เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยทั้งความสะอาด และสามารถส่งตรงความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิวได้ทันทีที่อาบน้ำ
หากจะใช้ออยล์เป็นไอเท็มสำคัญในการเติมความชุ่มชื้นให้ผิว แนะนำทาน้ำมันมะพร้าว Samui Coconut Organic Virgin Coconut Oil ก่อนเป็นอันดับแรก หลังอาบน้ำทันที เช็ดตัวให้แห้งเพียงหมาด ๆ จากนั้นนำออยล์ทาตัว มานวดทาให้ทั่วตัว ออยล์จะเป็นตัวช่วยกักเก็บน้ำที่เกาะอยู่ตามผิวให้อยู่กับผิวขึ้นไปได้อีกแรง
เพียงเท่านี้ คุณเองก็สามารถแก้ปัญหาผิวแห้งแตกได้แล้ว เคล็ดลับนี้สามารถใช้ได้ทั้งเวลาอากาศเปลี่ยน หรือแม้กระทั่งเดินทางไปเที่ยวเมืองหนาวก็ได้เช่นกันค่ะ
รู้หรือไม่? ริ้วรอยมีกี่ประเภท และแต่ละริ้วรอยมีชื่อเรียกว่าอะไรกันบ้าง
ว่าด้วยเรื่องของ “ริ้วรอย” สิ่งที่ธรรมชาติมอบให้ทุกคนผ่านการเดินทางของเวลา ถึงจะเป็นตัวสัญลักษณ์ที่แสดงถึงประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะก็ตาม แต่รอยยับ ความย่นบนหน้าเหล่านี้ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น จนต้องเฝ้าหาเทคนิค เคล็ดลับ ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ใบหน้ายังคงความอ่อนเยาว์ ล็อกความหน้าเด็กเอาไว้อยู่เสมอ ๆ ไม่ว่าจะริ้วรอยเหล่านั้นอาจจะเกิดขึ้นแล้ว หรือกำลังกังวลว่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานก็ตาม
ริ้วรอยพัฒนามาจากเรื่องง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน ที่เรามักจะมีการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อบนใบหน้าอยู่บ่อย ๆ เมื่อเคลื่อนไหวซ้ำไปซ้ำมาเป็นประจำ ผิวเจอกับมลภาวะไม่ได้รับการดูแลจนอ่อนแอ บวกกับความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นในผิวค่อย ๆ ลดหายเหลือน้อยลงไปตามกาลเวลา จึงทำให้เกิดรอยยับ และกลายเป็นริ้วรอยที่เห็นเด่นชัดในที่สุด โดยริ้วรอยสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ตามต้นตอที่ก่อให้เกิดดังนี้
1.ริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า (Expression Wrinkle)
ริ้วรอยที่เกิดขึ้นจากการแสดงสีหน้า เป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เป็นร่องรอยแห่งอารมณ์ ความรู้สึก จากแสดงอารมณ์ทางสีหน้ามากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ ขมวดคิ้ว และอื่น ๆ เมื่อกล้ามเนื้อมัดเล็กบนใบหน้าเกิดการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดอย่างสม่ำเสมอ จึงเกิดเป็นริ้วรอยขึ้น ที่พบได้ชัดเจนคือ รอยตีนกา รอยย่นที่เปลือกตา หน้าผาก ระหว่างคิ้ว ร่องแก้ม และริ้วรอยรอบริมฝีปากริ้วรอยจาก
2.ความเสื่อมสภาพ (Physical Wrinkle)
ริ้วรอยประเภทนี้ เกิดจากการเสื่อมสภาพของผิวที่ต้องเป็นไปตามกาลเวลา เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ผิวก็ไม่เต่งตึง อิ่มฟูเหมือนตอนยังวัยรุ่น ปัญหาริ้วรอยจากความเสื่อมสภาพของผิวจะพบเจอกันมากที่สุด หลังจากอายุ 25 ปีขึ้นไป การทำงานและความยืดหยุ่นของผิวจะค่อย ๆ เสื่อมสภาพลงทุกปี และเมื่อถึงอายุ 30 ปี คอลลาเจนใต้ผิวหนังจะลดลงเพิ่มอีก 30% และจะลดน้อยลงอย่างต่อเนื่องทุกปี ปีละ 1 - 2% ทำให้ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไร สุขภาพผิวก็จะแย่ลงไปตามอายุ เกิดเป็นปัญหาไขมันใต้ชั้นผิวหนังฝ่อลง โครงสร้างกระดูกเริ่มทรุด จนเกิดเป็นริ้วรอยและความหย่อนคล้อยแห่งวัย
หากคุณเป็นคนที่ดูแลตัวเองมาตลอด หมั่นบำรุงผิวให้คงความชุ่มชื้น เต่งตึง ใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดูแลผิว ป้องกันริ้วรอยก็อาจจะดูหนังเด็ก ผิวยังไม่ล้ำหน้าหรือไปตามอายุ แต่ถ้าหากคุณไม่เคยดูแลตัวเอง หลังอายุ 30 ปี จะดูแก่เกินความเป็นจริงแน่นอน
3.ริ้วรอยจากมลภาวะ และอนุมูลอิสระ (Chemical Wrinkle)
ในปัจจุบัน ริ้วรอยไม่ได้เกิดขึ้นจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้นแล้ว แต่ปัญหาสิ่งแวดล้อม มลภาวะที่คุณต้องพบเจอในระหว่างวันสามารถทำให้คุณแก่ก่อนวัย มีปัญหาเรื่องริ้วรอยได้เช่นกัน โดยอนุมูลอิสระลอยอยู่ในอากาศ แสงแดด ฝุ่น ควัน คือศัตรูหลักที่ทำให้ผิวเกิดปัญหาเลยก็ว่าได้ หรืออาจจะรวมไปถึงความเครียด ความกดดันที่ต้องพบเจอในการเรียน การทำงาน สภาพแวดล้อม สังคม เพื่อนร่วมงาน การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกกอฮอล์ ทุกอย่างล้วนส่งผลให้ผิวทั้งหมด เมื่อถูกทำร้ายบ่อย ๆ เข้าจึงทำให้เกิดริ้วรอยในที่สุด
ริ้วรอยบนใบหน้าแต่ละจุด มีชื่อเรียกว่าอะไรบ้าง?
เมื่อได้รู้จักประเภทของริ้วรอยกันไปแล้ว อย่าลืมที่จะมารู้จักส่วนที่มีโอกาสเกิดริ้วรอยมาที่สุดด้วย เพื่อให้คุณสามารถดูแล ลด เลี่ยง ป้องกันโอกาสที่จะเกิดริ้วรอยฝั่งลึกจนเป็นปัญหาหน้าแก่ ไม่มั่นใจไปได้ในอนาคตค่ะ
・Crow’s Feet หรือ ตีนกา ปัญหาริ้วรอยอันดับแรก ๆ ที่มักจะเกิดขึ้น ตีนกาจะอยู่บริเวณหางตาทั้ง 2 ข้าง เกิดขึ้นจากการที่เรายิ้มกว้าง หัวเราะอย่างเต็มที่จนตาหยี กลายเป็นรอยยับ และริ้วรอยแห่งความสุขในที่สุด Laugh Lines เส้นหัวเราะ ร่องแก้ม ริ้วรอยในส่วนนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ ทั้งการแสดงออกทางสีหน้า ความเสื่อมสภาพของผิว มลภาวะ และพื้นฐานของโครงสร้างใบหน้าที่ทำให้เกิด Laugh Lines ได้ง่ายกว่าคนอื่น ถือเป็นจุดที่ทำให้ดูหน้าแก่กว่าวัยจุดสำคัญทีเดียว
・Elevens หรือริ้วรอยบริเวณหว่างคิ้ว จุดนี้มักเป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นจากการแสดงความรู้สึกมาจนเกินไป คุณอาจจะเครียด หรือขี้สงสัยจนขมวดคิ้วอยู่บ่อย ๆ ซึ่งเมื่อกล้ามเนื้อมัดเล็กบริเวณนั้นถูกขยับ ก็เหมือนถูกออกกำลัง ทำให้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ขึ้น จนอาจอยู่เป็นเส้นแบบถาวรโดยไม่ต้องขยับหน้าเลยด้วยซ้ำ
・Bunny Lines หรือ รอยย่นข้างจมูก มีรอยเล็ก ๆ พอให้เห็นตอนยิ้ม ทำปากจู๋ ก็ดูแล้วน่ารักดีอยู่หรอกค่ะ แต่พอยิ่งปล่อยไว้ ยิ่งยิ้ม รอยยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เนี่ยสิปัญหา รอยย่นข้างจมูกมีได้ตั้งแต่รอยขีดเล็ก ๆ ไปจนถึงเป็นเส้นพาดตามแนวนอนเชื่อมกับบริเวณหัวตา
・Marionette Lines หรือร่องน้ำหมาก เป็นริ้วรอยจุดสำคัญที่ทำให้ดูแก่เกินอายุไปได้เป็นหลักสิบ ๆ ปี มักจะเกิดขึ้นจากปัญหาชั้นไขมันใต้ผิวหนังฝ่อตัวลงตามอายุ ชั้นผิวเริ่มบางลง กล้ามเนื้อ และผิวเริ่มหย่อนคล้อยไม่เต่งตึงจนห้อยย้อยเกิดเป็นร่องน้ำหมากใต้มุมปาก หรือในบางครั้งอาจเกิดจากการสูญเสียฟัน กระดูกขากรรไกรยุบตัวก็เกี่ยวข้องได้
・Accordion Lines หรือริ้วรอยบริเวณมุมปาก เป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นจากการแสดงอารมณ์อีกหนึ่งชนิด โดยลักษณะของริ้วรอยจะย่นพับไปในทิศทางเดียวกับจนเหมือน Accordion (หีบเพลง)
・Smoker’s Lines หรือริ้วรอยรอบปาก ถือเป็นจุดที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้จากทุกสาเหตุ โดยเฉพาะมลภาวะ การสูบบุหรี่บ่อย อายุที่เพิ่มมากขึ้น และผิวเสื่อมสภาพอย่างชัดเจน โดยไม่ได้ดูแลบำรุงเพิ่มเติม ลักษณะจะเป็นรอยย่นเป็นเส้นรอบ ๆ ปาก
ริ้วรอยไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยค่ะ เพราะทุกเส้น ทุกรอยยับ สามารถเกิดขึ้นได้บนใบหน้าคุณทั้งหมด และมันจะเกิดขึ้นแน่หากไม่มีการดูแลผิวหน้า หรือเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวมากพอเหมาะสมกับช่วงอายุ และต้นตอของปัญหาที่คุณต้องเผชิญอยู่บ่อยครั้ง ใครไม่อยากเจอกับริ้วรอยเร็วเกินไป ต้องเริ่มใส่ใจที่จะดูแลผิว เริ่มใส่ใจที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทลดเลือนริ้วรอยอย่าง Precious Botanical Face & Neck Cream ที่อุดมด้วยวิตามินโปรตีน, สารสกัดจากพืช Satira, วิตามินเอ และสารสกัดจากใบบัวบก ตัวช่วยสำคัญในการฟื้นฟูผิว ลดริ้วรอย สร้างเซลล์คอลลาเจนใหม่ มาพร้อมกับ “โปรตีนไหมไทย” เน้นการเสริมสร้างเซลล์ผิวลดการเกิดปัญหาแห่งวัย และ “สารสกัดจากกวาวเครือขาว” หนึ่งในสารสกัดสำคัญที่ให้สารไฟโตเอสโตรเจน ตัวช่วยคืนผิวที่ดูอ่อนเยาว์ กระจ่างใส เต่งตึงอย่างเป็นธรรมชาติ
ไม่ว่าตอนนี้จะมีหรือยังไม่มีริ้วรอยก็ตาม การรู้ตัวก่อน และเริ่มตั้งใจดูแลผิวอย่างจริงจัง เน้นคืนความชุ่มชื้น ทำผิวให้แลดูเต่งตึง และอิ่มน้ำอยู่ตลอดเวลา จะช่วยให้ชะลอความหน้าแก่ อีกทั้งยังช่วยให้คุณสามารถแก้ปัญหาผิวต่าง ๆ ที่ตามมาจากอายุได้อย่างจริงจังจากการคงสภาพโครงสร้างผิวที่แข็งแรงอยู่สม่ำเสมอค่ะ
สาว ๆ ต้องรู้ เปิดทริควิธีนวดทรวงอก ให้ได้ทั้งความสวย และสุขภาพ
เพราะเรื่องหน้าอกหน้าใจ เป็นเรื่องใหญ่ของสาว ๆ ทั้งในแง่ของสุขภาพ ความงาม ทำให้การดูแลหน้าอกให้เต่งตึง กระชับสวยจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อไม่ให้หน้าอกหย่อนคล้อยไปตามธรรมชาติก่อนเวลาอันควร อีกทั้งการดูแลหน้าอกอย่างสม่ำเสมอ ยังเป็นเหมือนการตรวจเช็กร่างกายตัวเองว่ามีความผิดปกติ หรือมีสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ หรือไม่
ไม่ว่าจะไซซ์ไหน ก็ต้องใส่ใจหน้าอก
การดูแลสุขภาพของหน้าอก มีหลากหลายวิธีมากตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆ ที่เราอาจจะมองข้ามไปจนถึงเรื่องใหญ่ที่คุณเอง จำเป็นต้องเริ่มใส่ใจได้แล้วตั้งแต่วันนี้ค่ะ
- บรา หรือเสื้อชั้นในสำคัญมาก เพราะเป็นสิ่งที่เกาะติดอยู่กับหน้าอกของเราตลอดทั้งวันแทบจะ 24 ชั่วโมง การเลือกเสื้อชั้นในจึงต้องเลือกให้พอดีทั้งรอบตัวและขนาดหน้าอกค่ะ ต้องสบายแต่กระชับ เนื้อผ้าต้องนิ่ม ระบายอากาศได้ดี ต้องไม่รัดแน่นจนเนื้อปลิ้นเป็นรอยแดงตามขอบเสื้อชั้นใน และไม่หลวมจนเกินไป
- ออกกำลังกาย และทานอาหารดี ๆ อยู่เสมอ พอร่างกายได้รับประทานอาหารดี ๆ ผลก็จะส่งออกมาให้เห็นทางสุขภาพร่างกายค่ะ เน้นทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งเต้านม ให้เน้นสารอาหารที่สามารถสร้างกล้ามเนื้อและบำรุงส่วนต่าง ๆ รวมทั้งหน้าอกได้ อาทิ อกไก่ กล้วย น้ำเต้าหู้ ไข่ มะละกอ เป็นต้น
ที่สำคัญ อย่าลืมดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อการทำงานของร่างกายในแต่ละวัน เพื่อให้ระบบเลือด และต่อมน้ำเหลืองสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- บำรุงผิวบริเวณหน้าอก และหมั่นสำรวจตัวเอง ความชุ่มชื้นเป็นเรื่องสำคัญกับผิวทุกส่วนไม่เว้นแม้กระทั่งหน้าอกค่ะ แนะนำให้ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ โลชั่นบำรุงที่มีความอ่อนโยนดูแลอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้หน้าอกแห้งแตก ขาดความชุ่มชื้น นอกจากนี้ อย่าลืมคอยสำรวจตัวเองอยู่บ่อย ๆ ว่าหน้าอกของเรามีความผิดปกติหรือไม่อย่างไร มีลักษณะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือเปล่า ซึ่งมีความผิดปกติให้รีบพบแพทย์เฉพาะทาง เพื่อจะได้รับการรักษาอย่างทันที
นวดทรวงอก ทริคดี ๆ ที่ได้ทั้งสุขภาพและความงาม
นอกจากการดูแลในเรื่องเสื้อชั้นใน อาหารการกิน การควบคุมน้ำหนัก หรือการดูแลตัวเองอื่น ๆ แล้ว การนวดทรวงอกยังเป็นอีก 1 เทคนิคลับที่ส่งผลต่อความงามโดยเฉพาะเรื่องความเต่งตึง ยกกระชับหน้าอกให้ไม่หย่อนคลอยไปตามอายุหรือกาลเวลา ช่วยเรื่องสุขภาพ กระตุ้นการทำงานของระบบภายในร่างกาย ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านม และโรคอื่น ๆ เกี่ยวกับหน้าอก แถมยังเป็นการตรวจเช็กความผิดปกติภายในทรวงอกไปได้อีกทางค่ะ
การนวดทรวงอก ควรนวดควบคู่กับน้ำมันนวดผิวกาย Satira Massage Oil เพื่อเพิ่มความผ่อนคลายจากกลิ่นหอมที่คุณชื่นชอบ ตัวน้ำมันนวดมีส่วนผสมของน้ำมันงา น้ำมันรำข้าว สวีทอัลมอนด์ และวิตามินอี ผสมกับน้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ ช่วยเข้าเติมเต็มความชุ่มชื้น บำรุงผิวให้เปล่งปลั่ง ผิวกระชับขึ้น และแลดูอ่อนกว่าวัย โดยไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองหรืออาการแพ้ โดยวิธีการนวดทรวงอกจะมีขั้นตอนง่าย ๆ สามารถทำได้ด้วยตัวเอง 4 วิธี
ขั้นตอนที่ 1 นวดบริเวณเต้านม ใช้มือซ้ายนวดบริเวณหน้าอกด้านขวา นวดวนเป็นวงกลมบริเวณกลางเต้านม วนจากด้านข้างเข้ามากลางหน้าอก จากนั้นนวดขึ้นจากบริเวณใต้ราวนมโดยดันขึ้นจากด้านล่างทุกครั้ง ทำข้างละ 20 ครั้ง
ขั้นตอนที่ 2 นวดหน้าอกจากด้านล่างเข้าหาตัว ใช้มือซ้ายดันบริเวณใต้หน้าอกข้างขวา จากนั้นใช้มือขวาดันหน้าอกข้างขวาขึ้นเป็นมุมเฉียง ทำซ้ำอีกข้างโดยใช้มือขวาดันด้านล่างหน้าอกข้างซ้าย และใช้มือซ้ายดันหน้าอกข้างขวาขึ้นมุมเฉียง ทำซ้ำข้างละ 20 ครั้ง
ขั้นตอนที่ 3 นวดหน้าอกสองข้างให้ชิดกัน ใช้มือสองข้างไขว้กันไว้ ประคองบริเวณข้างเต้านมด้านล่าง จากนั้นใช้มือนวดเป็นวงกลม และดันให้หน้าอกสองข้างชิดกันมากที่สุด นวดวนข้างละ 15 ครั้ง
ขั้นตอนที่ 4 นวดกดบริเวณหน้าอกให้แน่น ใช้มือทั้งสองข้างประสานกันไว้แล้วกดนวดคลั่งบริเวณข้างเต้านมเป็นวงกลม วนจากซ้ายไปขวา นวดวนข้างละ 15 ครั้ง
เพียง 4 เทคนิคง่าย ๆ นวดต่อเนื่อง 2 - 3 สัปดาห์ ควบคู่กับการใช้น้ำมันนวด Satira Massage Oil จะทำให้หน้าอกเต่งตึง กระชับสวย ทรวดทรงได้รูป และทำให้หน้าอกชิดกันมากขึ้น ผิวบริเวณหน้าอกจะค่อย ๆ กระจ่างใส ชุ่มชื้น อ่อนเยาว์ไม่เหี่ยวย่น
นอกจากนี้ในระหว่างที่นวดอยู่ สาว ๆ อย่าลืมสังเกตตัวเองเพิ่มเติม ว่าภายในหน้าอกของเราระหว่างนวดมีสิ่งแปลกปลอม ก้อนเนื้อ ไต หรือความผิดแปลกไปจากเดิม หรือมีอาการเจ็บปวดบริเวณใดเป็นพิเศษหรือไม่ด้วยนะคะ
อยาก ลดเซลลูไลท์ หนึ่งในปัญหากวนใจของสาว ๆ หลายคน ที่บางทีอาจจะไม่มีเวลาในการออกกำลังกาย ดูแลตัวเองเท่าที่ควร หรือบางคนอาจจะลองทำทุกทางแล้ว เซลลูไลท์ก็ยังไม่หายขาด มีริ้วเปลือกส้มตามแขน ตามขา มาให้เห็นอยู่ตลอด วันนี้สถิรา มีทริคลับมาฝาก เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ใช้ลดเซลลูไลท์โดยที่เราไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องเสียทรัพย์แพง ๆ และรวมไปถึงวิธีนี้ไม่ต้องออกกำลังกาย แถมยังได้ความผ่อนคลายแบบเต็มรูปแบบเพิ่มมาด้วยค่ะ
เซลลูไลท์ คืออะไร? ทำความเข้าใจก่อนกำจัดมัน
เซลลูไลท์ เกิดขึ้นจากการสะสมของไขมัน ที่เป็นมีลักษณะเป็นของเหลวและสารพิษ ติดค้างอยู่ภายในร่างกายสะสมกันไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นชั้นคลื่นอยู่ในส่วนเนื้อเยื่อที่เชื่อมต่ออยู่บริเวณใต้ผิวหนัง เซลลูไลท์มักจะเกิดขึ้นในชั้นผิวหนังของคนที่น้ำเหลืองไม่ดี หรือระบบการระบายน้ำเหลืองไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเหตุนี้ ทำให้ร่างกายไม่สามารถขับไขมันและของเสียออกไปได้ จนเกิดการสะสมของไขมันที่เป็นทั้งของเหลวและสารพิษ กลายเป็นผิวเซลลูไลท์กวนใจ เกิดผิวเป็นลักษณะไม่เรียบเนียน เป็นคลื่น ๆ คล้ายผิวส้ม พบเจอบ่อยช่วงบริเวณต้นขา สะโพก ก้น และท้อง ส่วนบริเวณหน้าอก ท้องน้อย และต้นแขน ก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกันแต่พบน้อย
นวดลดเซลลูไลท์ ทำเองหายเอง ไม่เจ็บตัว
การนวดลดเซลลูไลท์ ที่เป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายคนนึกถึง เพราะสามารถทำได้เองที่บ้าน ไม่ต้องออกกำลังกายหนัก ไม่ต้องเจ็บตัว หรือเสียเงินหลักหมื่น แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถหายขาดจากปัญหาเซลลูไลท์จากการนวดได้ เพราะความไม่รู้ ใช้เทคนิคผิด ๆ จึงทำให้หลายคนที่ตั้งใจนวดต้องผิดหวัง เซลลูไลท์หายช้า ไม่หายขาดไปตาม ๆ กัน
การนวดลดเซลลูไลท์ที่ถูกวิธี นอกจากจะสามารถตรงเข้าสลายเซลลูไลท์ได้อย่างถูกจุดแล้ว ตัวกลางสำคัญอย่าง “น้ำมันนวด” ก็ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก น้ำมันนวดตัวที่ดี มีสรรพคุณในด้านการช่วยลดปัญหาผิวส้ม หรือเซลลูไลท์โดยตรง จะทำให้การนวดลดในแต่ละครั้งเห็นผลลัพธ์ชัดเจนและรวดเร็วมาก หากเทียบกับการไม่ใช้ หรือใช้ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ Anti Cellulite แทน
Satira Anti Cellulite Massage Oil เป็นน้ำมันนวดตัวที่มีสรรพคุณในเรื่องการลดเซลลูไลท์โดยเฉพาะ เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของสถิรา และได้รับเสียงชื่นชมผ่านรางวัลการันตี ผลิตภัณฑ์สปาดีเด่นระดับประเทศ PMHA ( Prime Minister Herbal Awards ) โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ซึ่งรางวัลนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะมอบให้เฉพาะกับผู้ผลิตที่ได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยคุณภาพระดับประเทศ และระดับสากลเท่านั้น
เจาะลึก Satira Anti Cellulite Massage Oil น้ำมันนวดผิวกายลดเซลลูไลท์ตัวนี้ จะเป็นการผสมผสานสารสกัดที่มีความเผ็ดร้อน อยู่ในกลุ่มน้ำมันหอมระเหยที่เน้นซึมซาบลงสู่ผิว และกระตุ้นให้เกิดการเผาผลาญโดยเฉพาะ ประกอบด้วย
ผลิตภัณฑ์น้ำมันพริกไทยดำ
Capsicum oil หรือ น้ำมันจากพริก
Orange peel oil หรือ น้ำมันเปลือกส้ม
เมื่อร่างกายถูกนวดกกระตุ้น พร้อมกับส่งสารสกัดที่ช่วยให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญไขมันมาในครั้งเดียวกัน จึงทำให้ไขมันสามารถแตกตัวได้ง่าย สลายง่ายขึ้น ทำให้ลดปัญหา และลดการเกิดเซลลูไลท์ใหม่ได้ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดเลือนริ้วรอยของผิวเปลือกส้มได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ภายใน Satira Anti Cellulite Massage Oil ยังประกอบไปด้วยสารสกัดที่ช่วยมอบการบำรุงให้ชั้นดีอย่าง
น้ำมันงา
น้ำมันรำข้าว
น้ำมันสวีทอัลมอนด์
วิตามินอี
เป็นสารสกัดอันทรงคุณค่าในเรื่องผิว เน้นการเติมความชุ่มชื้น พร้อมกับการกักเก็บ และป้องกันน้ำในผิว ช่วยในเรื่องผิวกระจ่างใส นุ่มนวล ลดปัญหารอยแตก รอยดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ คืนความกระจ่างใสเรียบเนียน ผิวเด้ง ชุ่มชื้น แลดูอ่อนเยาว์
นอกจากนี้กลิ่นหอมจากสมุนไพรและน้ำมันบำรุงต่าง ๆ ยังสร้างความผ่อนคลายให้ร่างกาย กลิ่นจะมีความอบอุ่นละมุน ช่วยปลอบประโลมใจในวันเครียด ๆ หรือเปลี่ยนวันว่าง ๆ ให้เป็นการพักผ่อนอย่างแท้จริง เหมาะกับการเป็นไอเท็มสำหรับดูแลตัวเองที่ดีที่สุด
วิธีนวดลดเซลลูไลท์ ควบคู่กับ Satira Anti Cellulite Massage Oil
การนวดนดเซลลูไลท์ให้ได้ผล จะใช้กำปั้นนวด ไม่เหมือนการบีบนวดทั่วไป
หลังจากที่ทาน้ำมันนวดผิวกายในจุดที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว ให้กำมือ แล้วใช้กำปั้นนวดวนในจุดที่ต้องการ
หากเป็นจุดที่มีเนื้อเยอะอย่างต้นขา ต้นแขน หน้าท้อง หรือสะโพก ให้ใช้กำปั้นนวดวนเป็นวงกลมถี่ ๆ ลักษณะคล้ายกับสายโทรศัพท์ สามารถนวดทั้งทั่วทุกบริเวณ โดยนวดจากด้านล่างขึ้นด้านบน สวนเข้าหาตัว
หากเป็นจุดที่ไม่ได้มีเนื้อเยอะมาก อย่างเช่น แขนหรือน่อง สามารถใช้กำปั้นรูดโกยเนื้อจากด้านล่างขึ้นด้านบน สวนเข้าหาร่างกายได้เลย
ทำซ้ำ ๆ 15 - 20 ครั้งต่อบริเวณ
เพื่อให้การนวดลดเซลลูไลท์เห็นผลรวดเร็วมากยิ่งขึ้น สามารถใช้พลาสติกแร็ป หรือ อีลาสติกแร็ป แร็ปปิดในบริเวณจุดที่นวด ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อเพิ่มการออกฤทธิ์ให้กับน้ำมันนวดลดเซลลูไลท์ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
เมื่อสามารถลดเซลลูไลท์ คืนความมั่นใจให้ทุกส่วนในร่างกายแล้ว อย่าลืมนึกเสมอว่าเซลลูไลท์มีโอกาสกลับมาแวะเวียนทักทาย หรือจะกลับมาอยู่กับเราแบบถาวรเหมือนเดิมต่อได้ตลอดเวลา ทำให้ดูแลตัวเอง ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ จึงสำคัญเพื่อไม่ให้เซลลูไลท์กลับมาได้อีกครั้ง
กว่าจะเป็น Satira แนวคิดที่เป็นมากกว่าแบรนด์สมุนไพรไทย
Satira (สถิรา) ความสุขที่ยั่งยืนผ่านความเชื่อมั่นในพลังสมุนไพรไทย ความเชี่ยวชาญจากรุ่นสู่รุ่น ส่งต่อ ถูกพัฒนาให้ตรงตามความต้องการทั้งในปัจจุบัน และอนาคต แต่ยังคงอัตลักษณ์ ความน่าหลงไหลเฉพาะตัวของสมุนไพรที่ยากจะเลียนแบบ
กว่าจะเป็น “สถิรา” ย้อนกลับไปในปี 2542 สถิราได้ถูกก่อตั้งขึ้นโดยหัวเรือใหญ่อย่าง “คุณจริยา ฉันทวานิช” ที่มีความหลงไหลในเสน่ห์ของสมุนไพรไทย ทุ่มเททั้งกายและใจผ่านประสบการณ์ ความรู้จากการศึกษาด้านศาสตร์สมุนไพรและแพทย์แผนไทยอย่างแตกฉาน พร้อมกับความเชี่ยวชาญที่ถูกสืบทอดส่งต่อกันมาแบบรุ่นสู่รุ่นจากคุณพ่อ ผู้เป็นพ่อค้าสมุนไพรและของป่าที่ชาวบ้านเก็บมาฝากขาย ตกทอดมาสู่คุณแม่ผู้ที่มีความต้องการให้สมุนไพรทรงคุณค่าเหล่านี้ กลับมาเป็นสิ่งที่สามารถดูแลบำบัดสุขภาพของคุณจริยาเอง หลังจากที่ให้กำเนิดลูกน้อยในคนแรก
สิ่งนี้กลายเป็นเรื่องราวความรักที่น่าประทับใจระหว่างแม่และลูกสาว โดยคุณแม่ของคุณจริยาได้ส่งสมุนไพรถึง 1 คันรถ เพื่อใช้บำบัดฟื้นฟูสุขภาพหลังคลอด นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ จากประสบการณ์ที่แสนประทับใจกลายเป็นแรงบันดาลใจที่ให้คุณจริยา ตัดสินใจสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทย โดยใช้ปรัชญาสำคัญจากความรักที่แม่มีให้เธอ อยากให้ทุกคนได้มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวแทนสิ่งที่ดีที่สุด ส่งมอบให้กับคนที่เรารักและห่วงใยผ่านคุณประโยชน์อันยอดเยี่ยมของสมุนไพรไทยจากสถิรา
Satira ให้ความสำคัญกับการคัดสรรวัตถุดิบจากธรรมชาติอย่างพิถีพิถันจากความรู้ความเชี่ยวชาญที่ถูกส่งต่อกันมายาวนานมากกว่า 50 ปี พร้อมกับการนำมาผลิตด้วยกรรมวิธีที่ทันสมัย ได้มาตรฐานนานาชาติแต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ และประโยชน์จากสมุนไพรไทยโดยไม่ขาดตกบกพร่อง ดึงเอาความเชี่ยวชาญมาใช้ในการฟื้นฟูสุขภาพกาย สุขภาพใจ สุขภาพผิว แปรเปลี่ยนผิวให้แลดูอ่อนเยาว์แข็งแรง ทำให้ทุกผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสถิรา สามารถมั่นใจว่าจะเต็มไปด้วยความใส่ใจ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความหวังดีที่ต้องการให้ผู้ที่ไว้ใจในเรา ได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุด เป็นความประทับใจที่ไม่อยากจะเปลี่ยนแปลงไปไหนจากประสบการณ์ตรงของคุณจริยาเอง เป็นผลิตภัณฑ์คงคุณภาพเยี่ยมระดับสากลในราคาที่เอื้อมถึง
นอกจากนี้ อีกหนึ่งปรัชญาสำคัญที่เราตั้งใจ คือการไม่หยุดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพ เพื่อให้คุณได้รับพลังจากธรรมชาติ แปรเปลี่ยนเป็นความสุข ส่งเสริมสุขภาพทางร่างกาย จิตใจ พร้อมเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันสมุนไพรไทย ส่งเสริมกลุ่มเกษตรกร อุดหนุนวัตถุดิบจากชาวบ้านสร้างรายได้อย่างมั่นคงและแท้จริง ซึ่งในปัจจุบัน Sarita ได้เดินทางมาอย่างยาวนาน และมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งในไทยและต่างประเทศ แบ่งได้เป็นผลิตภัณฑ์ 4 ประเภทหลักด้วยกัน
1.เอกลักษณ์แห่งพลังธรรมชาติผ่าน “ลูกประคบสมุนไพร”
จุดเด่นด้านภูมิปัญหาไทยแท้อีกหนึ่งสิ่ง ที่ถือเป็นเอกลักษณ์สำคัญของสถิราอย่าง “ลูกประคบสมุนไพร” สัญลักษณ์แห่งความผ่อนคลาย วิถีบัดด้วยธรรมชาติอย่างแท้จริงที่ช่วยทำให้เส้นประสาทรู้สึกผ่อนคลาย และเปลี่ยนเส้นทางพลังงานที่มีความสำคัญต่อสุขภาพ
โดยลูกประคบสมุนไพรจากสถิราจะมีสรรพคุณที่แตกต่างกันออกไปเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากพลังสมุนไพรที่ตรงจุด ตอบโจทย์มากที่สุด โดยจะเน้นหนักไปที่ความผ่อนคลายผ่านการนวด กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ปรับสุขภาพจากเดิมที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้นในแบบที่คุณต้องการ
2.ปรนบัติผิวหน้า คืนความอ่อนเยาว์ผ่าน “สกินแคร์ Satira”
ไม่มีอะไรจะสำคัญไปมากกว่าความแข็งแรง อ่อนเยาว์ ผิวหน้าแลดูสดใสเหมือนล็อกอายุผิวไว้ได้ตลอดเวลา เพราะเราเข้าใจความต้องการของคนที่รักในการดูแลตัวเอง สถิราจึงมีการพัฒนา ทดลอง วิจัยจนได้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสกินแคร์เพื่อเข้ามาเติมเต็มทั้งความชุ่มชื้น แก้ปัญหาผิวต่าง ๆ โดยเฉพาะความหย่อนคล้อย และริ้วรอยแห่งวัยผ่านการใช้สมุนไพรไทย และพลังธรรมชาติบริสุทธิ์อย่างแท้จริง แตกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวออกเป็นหลายประเภท หลายเนื้อสัมผัสเพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ถูกใจถูกจริตการใช้งานของแต่ละคนมากที่สุด
3.คืนผิวกายสู่ความใสอ่อนเยาว์ผ่าน “ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายจากสถิรา”
จุดเด่นของสมุนไพรไทยนอกจากเรื่องการรักษาโรค ผ่อนคลายร่างกายผ่านพลังธรรมชาติแล้ว การบำรุงผิวกายคืนความใสอ่อนเยาว์ด้วยสมุนไพรไทย ถือเป็นสิ่งสำคัญที่กลายเป็นดั่งภูมิปัญญาที่ถูกส่งต่อกันมาอย่างยาวนาน สถิรานำเอาข้อเท็จจริงในจุดนี้มาพัฒนาต่อเพื่อคุณสามารถใช้สมุนไพรในการดูแล บำรุง นำการฟื้นฟูผิวกายตามแบบฉบับโบราณ ในรูปแบบที่ง่าย สะดวกสบายผ่านผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายสมัยใหม่ ดึงเอาสารบำรุงที่เข้มข้น บริสุทธิ์คงความเป็นอัตลักษณ์ของสมุนไพรไทยเข้ามาให้ได้มากที่สุด ครบถ้วนตั้งแต่ขั้นตอนการทำความสะอาดอย่างล้ำลึกไปจนถึงการบำรุงผิวเพิ่มความชุ่มชื้น และผลักสารบำรุงจากสมุนไพรเข้าฟื้นฟู คืนความแข็งแรงให้ได้มากที่สุด
4.เสริมบรรยากาศให้ผ่อนคลายผ่านกลิ่นหอมด้วย “ผลิตภัณฑ์สร้างกลิ่นหอม”
กลิ่นหอมคือความสวยงามที่แม้ว่าจะมองไม่เห็น แต่เราสามารถสัมผัสและมีความสุขไปกับมันได้ สถิราใส่ใจในการนำวัตถุดิบและสมุนไพรที่เป็นเอกลักษณ์มาปรุงกลิ่น พัฒนาให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์สร้างกลิ่นหอมในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่เทียนหอม ก้านหอม อโรมาติกออยล์ และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยแต่ละกลิ่นหอมเน้นสร้างความผ่อนคลายจากความเครียดและวันที่อ่อนล้า พร้อมเปลี่ยนทุกสถานที่ให้เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ให้คุณสบายยิ่งกว่าครั้งใด ผ่านกลิ่นหอมละมุนอันเป็นเอกลักษณ์
สถิรา เรายังคงตั้งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อเป็นการมอบสิ่งที่ดีที่พร้อมดูแลคุณและคนที่คุณรัก ส่งเสริมให้สมุนไพรไทยกลายเป็นไอเท็มยอดฮิตที่ทั่วโลกรู้จัก ควบคู่กันการได้รับประโยชน์จากสมุนไพรไทยแท้ตามแบบฉบับดั่งเดิมผ่านผลิตภัณฑ์จากสถิราที่ทันสมัย ง่าย และเหมาะสมกับการใช้งานในปัจจุบัน
กวาวเครือขาว คืออะไร? เป็นสารสกัดสำคัญที่ทำให้ผิวสวย อ่อนเยาว์ได้จริงหรือ?
กวาวเครือขาว เป็นอีกหนึ่งสารสกัดจากธรรมชาติที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมากมาย อยู่ในกลุ่มสมุนไพรไทยที่สามารถให้ประโยชน์ทั้งกับร่างกาย และความสวยความงามได้ โดยเฉพาะเรื่องผิวพรรณ
มารู้จักกับ “กวาวเครือขาว”
กวาวเครือขาว ถือเป็นหนึ่งใน Product Champion ที่ได้รับการคัดเลือกว่าเป็นสมุนไพรไทยที่มีศักยภาพสูง เป็นประโยชน์ต่อการนำมาใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อส่งออกเป็นยารักษโรค ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสามารถนำมาใช้ในเครื่องสำอางได้โดยมีเงื่อนไขตามหลักเกณฑ์การพิจารณาการจดแจ้งเครื่องสำอาง ปี 2559
ทำให้สารสกัดจากกวาวเครือขาว กลายมาเป็นสารสกัดเด่นในสกินแคร์ดูแลผิวหลากหลายตัว โดยเฉพาะกลุ่มลดเรือนริ้วรอย แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยแห่งวัย
กวาวเครือขาว จะมีสารออกฤทธิ์สำคัญอย่าง “ไมโรเอสทรอล” เป็นสารที่มีโครงสร้างคล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายมนุษย์
มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องช่วยฟื้นฟู บำรุงผิวพรรณโดยตรง
กระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลาเจน เส้นใยอีลาสตินภายในชั้นผิวหนัง
เพิ่มความหนาและความยืดหยุ่นให้ผิวมากขึ้น ส่งผลต่อการลดริ้วรอยในชั้นผิวหนังได้โดยตรง
ผิวหนังเต่งตึง มีน้ำมีนวลมากขึ้น แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยแห่งวัย
เติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว แก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน ที่จะนำไปสู่ปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา
เคล็ดลับการใช้กวาวเครือขาว กู้ผิวสวยแบบเห็นผล
ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นสมุนไพรระดับแชมป์ ศักยภาพสูงจนใครก็อยากได้ไปเป็นหนึ่งในส่วนผสมก็ตาม การใช้กวาวเครือขาวยังคงจำเป็นต้องมีการผู้เชี่ยวชาญ มีการทดลอง เพื่อให้การดึงเอาสารสกัดจากกวาวเครือขาวมาใช้อยู่ในระดับที่มีคุณภาพสูง มีการกำหนดปริมาณในการใช้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อผิวมากที่สุด รวมไปถึงต้องอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สามารถเติมเต็มความชุ่มชื้น คืนความใส ผิวแน่นเด้ง ดูอ่อนกว่าวัยได้จริงผ่านรูปแบบของสกินแคร์
แน่นอนว่าผิวที่อ่อนแอ แห้งกร้าน มีริ้วรอย และความหย่อยคล้อยแห่งวัย ล้วนมาจากปัญหาความแห้ง ผิวไม่ชุ่มชื้นอิ่มน้ำ จำเป็นต้องใช้สกินแคร์ประเภทที่มีความชุ่มชื้นสูง ซึมเข้าสู่ผิวไว และคงความชุ่มชื้นให้กับผิวไม่หายไปไหน เช่น ผลิตภัณฑ์ประเภทออยล์ หรือน้ำมันนวดหน้า เป็นต้น
Precious Face Essence น้ำมันนวดหน้าจาก Satira ถือเป็นอีกหนึ่งตัวบำรุงที่ผลิตขึ้นมาเพื่อให้ทุกสารสกัดสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ อุดมไปด้วยสารสกัดจากกวาวเครือขาวเข้มข้น มาเป็นตัวนำความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิวในระดับเซลล์ แก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน เพิ่มชั้นความหนาและความยืดหยุ่นให้ผิวจากกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลาเจน และเส้นใยอีลาสตินจากภายใน
เมื่อสารสกัดจากกวาวเครือขาว มาอยู่ในสกินแคร์กลุ่มน้ำมันนวดหน้าที่เป็นประเภทเนื้อผลิตภัณฑ์ที่มีความชุ่มชื้นสูงที่สุดแล้ว จึงทำให้ทั้ง 2 องค์ประกอบนี้สามารถคืนความชุ่มชื้น ผิวนุ่ม มีความอุ่มน้ำตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ รู้สึกถึงความตึง เด้ง แน่นของผิวจนสัมผัสได้
นอกจากนี้ Precious Face Essence ยังเป็นน้ำมันนวดหน้าที่ผสานผสนกับสารบำรุงคุณภาพอื่น ๆ อีกมากมาย
เป็นน้ำมันหอมระเหยกุหลาบ 100% ด้วยกลิ่นหอมละมุนพร้อมกับสารบำรุงคุณภาพ ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ปลอบประโลมผิวจากความอ่อนล้า ความเครียด ตัวน้ำมันช่วยสร้างเกราะป้องกันผิวจากมลภาวะต่าง ๆ
มีวิตามินซีบริสุทธิ์ ช่วยปรับผิวหน้าให้ขาวสว่างกระจ่างใส คืนผิวกลับสู่ความอ่อนเยาว์อย่างยอดเยี่ยม
มีสารสกัดจากใบบัวบกช่วยกระตุ้นการไหลเวียน และการสร้างเซลล์ผิวใหม่ สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว
วิธีการใช้ เพียงวอร์มน้ำมัน 1 - 2 หยดในฝ่ามือแล้วลูบไล้ลงบนผิวที่สะอาดโดยเลื่อนจากกึ่งกลางใบหน้าไปยังขมับในแนวยกขึ้น ทำซ้ำทั่วใบหน้าจนน้ำมันซึมซาบเข้าสู่ผิว ใช้ทั้งกลางวันและกลางคืนหลังทำความสะอาดผิวหน้า ใช้ได้ทั้งเป็นออยล์ในการทำทรีทเมนต์ผิวหน้า หรือใช้เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวเพิ่มเติมได้
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน มีริ้วรอยเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย ต้องการฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอกอย่างเร่งด่วน สารสกัดจากกวาวเครือขาว วิตามินซีเข้มข้น และสารสกัดจากใบบัวบก ที่อยู่ในน้ำมันนวดหน้า Precious Face Essence จาก Satira ถือเป็นฮีโร่ที่จะเข้ามาช่วยกู้ผิว คืนความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ แก้ปัญหาริ้วรอย พร้อมคืนความอ่อนเยาว์ให้คุณได้อย่างแน่นอน
โรคยอดฮิต ถึงจะฮิตแค่ไหนถ้าชื่อว่าเป็นโรคแล้ว ก็คงไม่มีใครอยากจะเป็น แต่ถ้าพฤติกรรมการทำงานของเราดันไปเอื้อต่อการพบเจอเข้ากับโรคยอดฮิตเหล่านี้ ที่มักจะคุกคามคนทำงานออฟฟิศอยู่เป็นประจำขึ้นมาล่ะ จะทำอย่างไรดี?
กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว เพราะหลายคนทำงานเพลิน ๆ อยู่หลายปี รู้ตัวอีกทีร่างกายก็เริ่มเจ็บป่วยจากความเครียด และพฤติกรรมการนั่งอยู่ที่เดิมซ้ำ ๆ นานทีละหลาย ๆ ชั่วโมงเข้าให้ กลายเป็นโรคยอดฮิตประจำออฟฟิศที่วัยหนุ่มสายพบเจอกันมากที่สุด แต่จะมีอะไรบ้าง เรายกโรคยอดฮิตมาให้คุณลองทำความรู้จัก 2 กลุ่มอาการด้วยกัน มาดูว่าคุณกำลังพบเจอกับอาการเหล่านี้อยู่หรือไม่ และถ้าหากคุณกำลังเจออยู่จะสามารถทำให้อาการเหล่านี้ทุเลาลงในระยะสั้น ๆ ได้อย่างไร
ปวดหัว ไมเกรน
อาการปวดหัวไมเกรน คือหนึ่งในโรคยอดฮิตที่เป็นปัญหาใหญ่ของคนทำงานเลยก็ว่าได้ เพราะไมเกรนถือเป็นสิ่งที่รบกวนชีวิตการทำงานมากที่สุด ลักษณะอาการจะปวดหัวตุบ ๆ เป็นจังหวะ มีทั้งปวดข้างเดียว และปวดสองข้าง สามารถพัฒนาระดับความรุนแรงตั้งแต่ปวดเพียงเล็กน้อยไปจนถึงปวดมากจนมีอาการอื่น ๆ เข้ามาแทรกแซงด้วย อาทิ คลื่นไส้อาเจียน อาการไวต่อกลิ่นและแสงมากกว่าปกติจนเวียนหัว รู้สึกอ่อนแรง ดวงตาพร่ามัว เป็นต้น
สาเหตุจากการเกิด “ไมเกรน”
ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน จะยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดว่าโรคยอดฮิตชนิดนี้เกิดขึ้นจากอะไร แต่คุณสามารถเฝ้าระวัง หลีกเลี่ยงปัจจัยที่สามารถกระตุ้นให้เกิดไมเกรน ดังนี้
ความเครียด
อดนอน พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือนอนมากเกินไป
อดอาหาร รับประทานอาหารไม่เพียงพอ
ถอนคาเฟอีน, สูบบุหรี่
ใช้ยาบางชนิด
ออกกำลังกายหักโหมจนเกินไป
ปัจจุบันอาการไมเกรนยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่คุณเองสามารถทำให้อาการจากโรคยอดฮิตนี้ทุเลาเบาบางลงได้ มีตั้งแต่การใช้ยาแก้ปวด บรรเทาอาการปวดตามความรุนแรงของอาการไมเกรนที่เป็น มีตั้งแต่กลุ่มยาสามัญประจำบ้าน และยาที่แพทย์ต้องเป็นผู้จ่ายให้เท่านั้น
นอกจากนี้ การผ่อนคลายตัวเอง ลดความเครียดด้วยการนวดและกลิ่นหอม มีการศึกษาเกี่ยวกับการใช้กลิ่นหอมมาผ่อนคลายและบรรเทาความเครียดลงได้ ซึ่งสิ่งนี้จึงกลายเป็นสิ่งที่เข้ามาช่วยลดกระตุ้นอาการไมเกรน หรือทำให้อาการปวดหัวทุเลาลงได้ในระดับดี
เทคนิคแก้ไมเกรนด้วยการนวดและกลิ่นหอม
การนวดเป็นวิธีการที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนได้ง่าย และรวดเร็วมากที่สุด โดยวิธีนวดควรนวดพร้อมกับการใช้ควบคู่กับอโรมาติกออยล์ที่มีกลิ่นช่วยผ่อนคลายความเครียดได้โดยเฉพาะ เช่น
Sarita Aromatic Oil Destress Eucalyptus กลิ่นยูคาลิปตัส เพิ่มความสดชื่น หายใจโล่งผ่อนคลาย
Sarita Aromatic Oil Lavender ช่วยให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย นอนหลับง่ายขึ้น
เน้นนวดบริเวณขมับ ต้นคอ และช่วงไหล่ นวดคลึงไปเรื่อย ๆ ร่างกายจากที่ตึงเครียดรู้สึกผ่อนคลายลง เส้นเลือดก็จะค่อย ๆ คลายตึง ไม่หดเกร็ง ทำให้อาการไมเกรนทุเลาลงได้
ออฟฟิศซินโดรม
ยกให้เป็นโรคยอดฮิตประจำออฟฟิศที่เป็นดังตลกร้ายที่คอยหลอกหลอนมนุษย์เงินเดือนมาตั้งแต่รุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ออฟฟิศซินโดรนถือเป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการทำงานในท่าซ้ำ ๆ เดิม ๆ ไม่มีการเคลื่อนไหว ความเครียด และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยอาการที่เข้าข่ายเป็นออฟฟิศซินโดรม จะประกอบไปด้วย
ปวดหลัง
ปวดคอ บ่า ไหล่ ไหล่ตึงแข็ง
ปวดตา ตาพร่ามัวจากการจ้องหน้าจอนาน ๆ
ปวดตึงที่ขา เป็นเหน็บชาบ่อย
ปวดศีรษะ
ปวดข้อมือ มือชา นิ้วชาบ่อยครั้ง
ซึ่งหากจะให้พูดถึงอาการยอดฮิตที่คนทำงานมักจะต้องเจอ จะพบกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อ และเยื่อพังผืดตามร่างกายมากที่สุด เกิดจากการใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำ ๆ เป็นระยะเวลานานต่อเนื่อง ซึ่งก็ไปตรงกับพฤติกรรมการนั่งทำงานอยู่ในท่าเดิมวันละหลายชั่วโมง การใช้เม้าส์, คีย์บอร์ดอยู่ในท่าซ้ำ ๆ ส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ และปวดเมื่อยตามอวัยวะต่าง ๆ เป็นกันมากในบริเวณคอ หลัง ไหล่ บ่า แขน หรือข้อมือ มีตั้งแต่อาการปวดเล็กน้อย และร้ายแรงไปจนถึงปวดเรื้อรัง จำเป็นต้องได้รับการกายภาพ รักษาอย่างเร่งด่วน
นวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อและความเครียด คือทางออก
เพราะแบบนี้เอง การนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อร่วมกับน้ำมันหอมระเหยกลิ่นหอมละมุน จึงกลายเป็นทางออกของชาวออฟฟิศซินโดรมก่อนเป็นอันดับต้น ๆ เพราะการนวดถือเป็นการลดอาการปวดเมื่อย คลายความตึงแข็งของกล้ามเนื้อที่ทำงานมาอย่างหนักหน่วง และเป็นการผ่อนคลายความเครียดที่สะสมจากงานมาทั้งวันไปในตัว ทำให้การเลือกใช้น้ำมันหอมระเหยที่ดีที่สุด ผ่านกลิ่นที่เราผ่อนคลายและชื่นชอบมากที่สุด จึงจะช่วยส่งผลได้ให้รับประโยชน์ไปอย่างครบถ้วน เปลี่ยนให้ช่วงเวลาในการนวดผ่อนคลายนี้ กลายเป็นช่วงเวลาที่คุณได้ปลดปล่อยอาการปวดเมื่อย ปวดใจละทิ้งสิ่งที่คิดมาทั้งวันได้อย่างแท้จริง
น้ำมันหอมระเหยมีให้เลือกหลายกลิ่น แต่ละกลิ่นสามารถมอบความรู้สึก มอบความผ่อนคลายที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวล้วน ๆ โดยอโรมาติกออยล์ หรือน้ำมันหอมระเหยจากสถิรา มีให้เลือกมากถึง 10 กลิ่นด้วยกัน
Sarita Aromatic Oil Coconut หอมหวาน ผ่อนคลาย เปลี่ยนให้กลายเป็นเวลาพักผ่อน
Sarita Aromatic Oil Frangipani หรือดอกลีลาวดี หอมละมุนสไตล์ดอกไม้
Sarita Aromatic Oil Ocean Breeze โดดเด่นด้วยกลิ่นเกรตฟรุต และมิ้นท์
Sarita Aromatic Oil Destress Eucalyptus กลิ่นยูคาลิปตัส สดชื่น ผ่อนคลาย
Sarita Aromatic Oil Jasmine ลดความเครียด ซึมเศร้า เพิ่มพลังบวก
Sarita Aromatic Oil Lavender ช่วยให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย นอนหลับง่ายขึ้น
Sarita Aromatic Oil Lemongrass หรือตะไคร้ เพิ่มความสดชื่น แก้ปวดเมื่อย ฆ่าเชื้อโรค ระงบกลิ่นไม่พึงประสงค์
Sarita Aromatic Oil Rose หอมหวาน โรแมนติก กระตุ้นการหายใจ เพิ่มความผ่อนคลาย
Sarita Aromatic Oil Orchid Sandalwood อบอุ่นชวนฝัน หรูหราผ่อนคลาย
Sarita Aromatic Oil Tropical Sunrise สดใส เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะนวด ฝั่งเข็ม หาหมอหมดเงินไปมากมายซักแค่ไหน ทุกอย่างจะไม่เป็นผลเลยหากคุณไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นสาเหตุในการเกิดโรคฮิตนี้ ไม่ว่าจะทั้งไมเกรน ออฟฟิศซินโดรมและอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นลองค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมซักนิด อาจจะเริ่มจากการลุกขึ้นมายืดเส้นยิดสาย ไม่ให้มัดกล้ามทำงานซ้ำ ๆ เดิม ๆ นานจนเกินไป พักสายตาจากหน้าจอบาง ดื่มน้ำเปล่าบ่อย ๆ ลุกเข้าห้องน้ำบ้างอย่าอั้นไว้ เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถทำงานที่เรารักได้อย่างมีความสุข ไม่ต้องทรมานร่างกายตัวเองแล้ว
มือเหี่ยว เกิดขึ้นจากอะไร? แค่ล้างมือก็ทำให้มือเหี่ยวได้จริงหรือไม่
ปัญหามือเหี่ยว มือย่น มือสาก ดูเหมือนมือคนแก่เข้าไปทุกที กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ลดทอนความมั่นใจให้สาว ๆ ได้ไม่แพ้กันกับปัญหาความสวยความงามอื่น ยิ่งเห็นชัดในช่วงการระบาดของโควิด 19 ทำให้เราต้องให้ความสนใจในความสะอาดของมือแทบจะทุกที่ทุกเวลา ต้องหมั่นล้างมือบ่อยมากขึ้นหลายเท่า ทำความสะอาดมือด้วยแอลกอลฮอล์ทุกครั้งที่สัมผัส จับสิ่งของต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด อีกทั้งการระบาดยังกินเวลานานจนทำให้การล้างมือ ใช้สเปรย์หรือเจลแอลกอฮอล์กลายเป็น 1 ในพฤติกรรมที่ต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตประจำวันไปเสียแล้ว
การล้างมือบ่อย ทำให้มือเหี่ยวได้จริงหรือ?
ความปลอดภัย ป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากเชื้อโควิด 19 เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องใส่ใจห้ามละเลย จุดนี้เองจึงทำให้หลายคนต้องโบกมือลาผิวมือนุ่มสวย และได้ผิวมือเหี่ยว แห้งกร้านกลับมาแทน หรือบางรายความชุ่มชื้นหายจนถึงขั้นมือลอก มือแตกเลยก็มี ซึ่งการล้างมือบ่อย ๆ หรือการใช้สเปรย์ - เจลแอลกอฮอล์ตลอดทั้งวัน ถือเป็นสาเหตุโดยตรงของปัญหามือเหี่ยวได้จริง ๆ
การล้างมือบ่อย ทำให้ปริมาณไขมันในชั้นผิวลดลง ความชุ่มชื้นถูกชำระล้างผ่านผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เมื่อผิวขาดความชุ่มชื้น ปัญหาอื่น ๆ ก็จะตามมาโดยเฉพาะปัญหามือเหี่ยว มือแห้งสาก
บางคนไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดมือโดยเฉพาะ อาทิ ล้างมือด้วยน้ำยาล้างจาน ใช้ผลิตภัณฑ์เคมีที่มีฤทธิ์ทำความสะอาดรุนแรง สบู่ที่มีกลุ่มสารสบู่เยอะไม่มีมอยเจอร์ไรเซอร์ถนอมผิว จะส่งผลต่อความแข็งแรงของชั้นผิวโดยตรง ชั้นผิวจะเริ่มอ่อนแอลง มือเริ่มพบกับปัญหาผิวแห้งกร้าน มือเหี่ยว บาง และอาจมีโอกาสเกิดการอักเสบได้ในที่สุด
หยุดล้างมือไม่ได้ ก็ต้องเพิ่มการบำรุงเอา
เพราะมือเป็นอาวุธลับที่เพิ่มเสน่ห์ให้คุณได้ในแบบที่คาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเสน่ห์ผ่านการหยิบจับสิ่งของ ทำงานได้อย่างคล่องแคล่วน่ามองแล้ว ยังเป็นอวัยวะที่ใช้สัมผัสฝ่ายตรงข้าม กลายเป็นจุดเริ่มต้นในทุกความสัมพันธ์ ทั้งผ่านการจับมือ, Shake Hand ซึ่งจุดนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ว่าจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามมีความคิดในหัวเข้ามาว่า “คนนี้มือนิ่มจัง?” หรือปล่อยให้การ Shake Hand เป็นเรื่องทั่วไปที่ใคร ๆ เขาทำกัน ไม่มีความคิดพิเศษหรือแปลกใหม่กับฝ่ายตรงข้าม ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลมือให้ถูกวิธี
เพราะการล้างมือยังคงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากในการใช้ชีวิตให้อยู่รอดปลอดภัยจากโควิด 19 การเพิ่มความใส่ใจเข้ามาจึงมีส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพผิวมือให้ยังคงความนุ่ม สวยตึง มือไม่เหี่ยวได้ง่าย ๆ 3 ขั้นตอน
การล้างมือ ไม่ควรล้างในน้ำร้อนหรือน้ำเย็นจนเกินไป เพราะเราต้องล้างบ่อยและใช้เวลาในการล้างมือต่อครั้งนานขึ้น ทำให้การใช้อุณหภูมิน้ำที่ไม่ปกติจะทำให้ความชุ่มชื้นในผิวถูกดูดหายไปได้เร็วกว่า จึงควรใช้น้ำอุณภูมิห้องจะดีที่สุด
การเลือกเจล - สเปรย์แอลกอฮอล์ในการทำความสะอาดมือระหว่างวัน ควรเลือกให้มีมอยเจอร์ไรเซอร์ เติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว
หลังล้างมือ หรือทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ ต้องใช้ครีมทามือเติมความชุ่มชื้นที่เสียไปให้ผิวทุกครั้งทันที จะช่วยฟื้นฟูชั้นผิว ปรับผิวให้นิ่มเด้ง แก้ปัญหามือเหี่ยวได้
ครีมทามือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ต่อครั้งไม่เยอะ ทำให้การซื้อ 1 ครั้งใช้ได้ยาวนานมาก เพื่อให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ไม่ต้องคอยเปลี่ยนหรือทนใช้เพราะเสียดายของในอนาคต คุณจึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารบำรุงเน้นฟื้นฟูสุขภาพผิวมือโดยเฉพาะ แก้มือเหี่ยว คืนความนุ่ม ชุ่มชื้นไปพร้อม ๆ กับการ “คงความสะอาดให้กับมือ” ช่วยให้มือปลอดเชื้อโรคได้นานขึ้น
มีมั้ย? ครีมทามือ ลดมือเหี่ยว ปลอดเชื้อโรคได้นานขึ้น
เพราะเรื่องของความสะอาดทำให้เราต้องล้างมือถี่ขึ้น ล้างบ่อยขึ้นแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้การใช้ครีมทามือเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นจำเป็นต้องมีส่วนผสมที่ช่วยเรื่องการฟื้นบำรุงแบบเข้มข้น มีสารสกัดที่ช่วยให้ผิวปลอดเชื้อโรคได้นานขึ้นหลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จ และที่สำคัญต้องซึมไวแต่ยังคงความชุ่มชื้น ไม่เหนียวเหนอะหนะจนไม่สามารถใช้มือในการทำงาน มือลื่นจนต้องไปล้างออกเพราะใช้มือในการหยิบจับสิ่งของ ใช้งานในชีวิตประจำวันไม่ได้เลย ทำให้ Satira ได้มีการรวบรวมปัญหาที่ทำให้คนไม่ชอบใช้ครีมทามือ ไปพร้อม ๆ กับการค้นหาสารบำรุงที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพผิวมือมากที่สุด จนกลายเป็น Satira Purifying Hand Cream ครีมทามือที่เน้นการป้องกันผิว เติมความชุ่มชื้น แก้ปัญหามือเหี่ยว แห้ง สาก แตก และช่วยปลอบประโลมผิว อุดมไปด้วย
โปรตีน Sericin และ Oat ช่วยบรรเทาและรักษาอาการผิวแห้ง แก้ปัญหามือเหี่ยว
สารสกัดจากดอกคาโมไมล์ ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองจากการล้างมือ
ว่านหางจระเข้ มอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
น้ำมันมะพร้าว Monolaurin ช่วยให้มือปลอดจากเชื้อโรคได้นานขึ้นหลังจากทำความสะอาดมือ เพิ่มการปกป้องให้คุณได้แบบมั่นใจ 2 ต่อ
นอกจากคุณสมบัติที่สามารถคืนความชุ่มชื้นให้มือ เปลี่ยนมือเหี่ยวให้กลายเป็นมือนุ่มสวยสุขภาพดีได้แล้ว Satira Purifying Hand Cream ยังซึมซาบลงสู่ผิวไว มอบการปกป้องสุขภาพมือในระดับพิเศษ แต่ไม่ทิ้งคราบ ไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้ มีกลิ่นหอมสไตล์ธรรมชาติ เพิ่มเสน่ห์ผ่านกลิ่นหอม มีให้เลือกถึง 6 กลิ่นหอมด้วยกัน
Purifying Hand Cream Baba Phuket : สดชื่นกระตุ้นความสดใสด้วยกลิ่นดอกไม้ ผสมผสานกับความเป็น Fruity ของเลมอน แบล็คเคอแรนท์ ส้ม และมะพร้าว เพิ่มความติดทนนานและกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ด้วยมัสค์
Purifying Hand Cream Exotic Lemongrass : กลิ่นหอมโล่งจมูก ปลอดโปร่งสไตล์สมุนไพรไทยอย่างตะไคร้หอม ลดความร้อนแรง เพิ่มความผ่อนคลายด้วยชาเขียว และมัสค์
Purifying Hand Cream Fantasy Freesia : ถูกใจสายน้ำหอม กลิ่นจะเน้นความเป็น Flora Fruity หอมหวานแบบซ่อนเปรี้ยว พร้อมกับคงความหรูหราไว้ด้วย Freesia, Pear, Rose, Patchouli และ Amber
Purifying Hand Cream Organic Lavender : หอมคลาสสิกด้วยส่วนผสมของดอกไม้ และสมุนไพรของน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ออร์แกนิก
Purifying Hand Cream Precious Jasmine : เน้นการผสนผสานกันอย่างลงตัวของกลิ่นดอกมะลิ เน้นความหรูหรา หวานแต่ไม่เลี่ยน หอมซับซ้อนจนอยากได้กลิ่นไม่หยุดด้วยกลิ่นอายของลิลลี่แห่งหุบเขา, พีช, มะนาว และมัสค์
Purifying Hand Cream Sensual Rose : ถูกใจสายหวาน หรือใครที่ชอบกลิ่นกุหลาบมากเป็นพิเศษ ด้วยการชูกลิ่นดอกกุหลาบเป็นหลัก ผสมผสานด้วยกลิ่นมะลิ ลิ้นจี่ แบล็คเคอแรนท์ และซีดาร์วูด หอมหรูลงตัว
เพราะมือคืออีกหนึ่งอวัยวะสำคัญที่เราต้องใช้งานอยู่ทุกวัน และมืออาจจะนำพาให้เราไปเจอโอกาสดี ๆ ได้ในแบบที่เราก็คาดไม่ถึง ดังนั้นการดูแลสุขภาพผิวมือจึงเป็นอีก 1 สิ่งที่แสดงถึงความใส่ใจในการดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี มาดูแลมือของคุณให้แลดูอ่อนเยาว์ เนียนนุ่มน่าสัมผัสอยู่ตลอดเวลาด้วย Satira Purifying Hand Cream ถึงแม้ว่าจะต้องล้างมือบ่อย ๆ ใช้แอลกอฮฮล์เช็ดทำความสะอาดมืออยู่เป็นประจำก็ตามกันเถอะค่ะ
“ หน้ามัน เป็นสิวง่าย รูขุมขนกว้าง มาครบ สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเองมั้ย ต้องทำยังไงดี?”
ปัญหาหน้ามัน เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมามากกว่าที่คิด ทั้งเรื่องสิวขึ้นง่าย รูขุมขนกว้าง ผิวขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้นส่งผลต่อไปถึงปัญหาริ้วรอยก่อนวัย เพราะแบบนี้ การกู้และฟื้นฟูผิวให้กลับมาสดใส เปลี่ยนผิวให้สุขภาพดี จึงต้องแก้จากต้นเหตุอย่างปัญหาผิวหน้ามันก่อนเป็นอันดับแรก
รู้ก่อนแก้ได้ถูกทาง ผิวมันเกิดจากอะไร?
ผิวมัน เกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัย บางคนผิวมันมาตั้งแต่กำเนิด บางคนผิวแห้งมาตลอดแต่กลับมีช่วงเวลาหน้ามันเยิ้มได้เหมือนกัน ดังนั้นการรู้ถึงต้นตอสาเหตุของปัญหาผิวมันจึงสำคัญ เพื่อให้คุณสามารถไปต่อ แก้ไขได้อย่างตรงจุด
หน้ามันจากกรรมพันธุ์
หน้ามันจากกรรมพันธุ์ ถือเป็นสิ่งที่ส่งต่อกันมาทางพ่อแม่ ครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากมองในแง่ดี การอยู่ในกลุ่มผิวมันเหมือนได้รับเกราะป้องกันผิวจากธรรมชาติ คนที่มีผิวผสมค่อนไปทางมัน หรือผิวมันมักจะเป็นผิวที่หนา เรียบเนียน มีความยืดหยุ่นมากกว่าผิวแบบอื่นสามารถได้รับการปกป้องแสงแดดจากธรรมชาติ มีความทนทานต่อการเกิดริ้วรอยมากกว่า
แต่ขอเตือนไว้หน่อย หลายคนมีความเข้าใจผิด ๆ ว่าคนผิวมันไม่จำเป็นต้องบำรุงหรือเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวเพราะหน้ามันง่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้กว่าจะรู้ตัว ผิวก็เพิ่มความมันขึ้นแบบทวีคูณเพราะผิวขาดน้ำไปแล้ว ดังนั้นการดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว คอยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ชั้นผิวสม่ำเสมอ ควบคู่กับการใช้มาร์คโคลนดูดซับความมันส่วนเกิน และสิ่งสกปรกที่มีโอกาสอุดตัน อักเสบจนกลายเป็นสิวจึงสำคัญมาก อย่าชะล่าใจเด็ดขาด
หน้ามันจากอาหาร
สิ่งที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย นอกจากสิ่งที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่นอย่างกรรมพันธุ์แล้ว ก็เห็นจะมีเรื่องของ “อาหาร” ที่มีอิทธิพลต่อร่างกายของเรา กินของดีมีประโยชน์หรือไม่ ผลลัพธ์จะออกมาให้เห็นทางร่างกาย ไม่เว้นแม้กระทั่งสภาพผิว ความมันส่วนเกินอาจเกิดขึ้นจากร่างกายของเรามีระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น โดยกระบวนการนี้จะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน และฮอร์โมนที่มีโครงสร้างคล้ายอินซูลิน หรือ IGF-1 ออกมาเพื่อดักจับน้ำตาล
ฮอร์โมน IGF-1 ตัวนี้ มีผลการวิจัยระบุว่าอาจเป็นตัวการสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อต่อมไขมัน เมื่อไขมันถูกผลิตออกมามากเกินความจำเป็นจึงทำให้หน้ามัน หน้าเยิ้มมากกว่าปกติจนกลายเป็นสาเหตุของสิว รูขุมขนกว้าง นอกจากนี้อาหารบางชนิดยังเป็นแรงกระตุ้นชั้นดี ที่ทำให้ผิวเกิดการอักเสบ เป็นสิว ผิวอุดตันได้อีกด้วย
ผิวขาดความชุ่มชื้น
ปัจจัยนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะกลุ่มคนผิวมันผิวผสม ที่มีความเข้าใจผิดในขั้นตอนการดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์กลุ่มมอยเจอร์ไรเซอร์ เมื่อผิวไม่เคยได้รับความชุ่มชื้นเข้ามาเต็มเติม ร่างกายจะยิ่งกระตุ้นต่อมไขมันใต้ผิว ให้ผลิตไขมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้ผิวหน้ายังคงหล่อเลี้ยงความชุ่มชื้นไว้ เกิดเป็นปัญหาผิวมันแต่ขาดน้ำขึ้นในที่สุด เวลาสัมผัสผิวจะรู้สึกถึงความมันแต่ผิวสาก แห้งกร้าน ผิวไม่สวยอิ่มน้ำ มีปัญหาเครื่องสำอางไม่ติดหน้า
ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวผิดประเภท หรือดูแลผิวมากเกินไป
การที่คุณให้ความสำคัญกับการดูแลผิวเป็นประจำถือเป็นเรื่องดี แต่ทั้งหมดควรเป็นไปอย่างสมดุล เพราะการดูแลผิวมากเกินไปก็มีส่วนในการกระตุ้นการผลิตของต่อมไขมันได้เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น
- การสครับหน้าถี่จนเกินไป : ผิวจะเร่งผลิตไขมัน เพราะผิวสูญเสียความชุ่มชื้นอย่างหนัก ผิวอ่อนแอ มีโอกาสอักเสบ เกิดสิวง่ายจากการสครับผิวมากเกินไป
- ล้างหน้าบ่อยก่อนไป : กลุ่มความมันที่จำเป็นต้องคงไว้เพื่อรักษาสมดุลให้ผิวหายไปหมด เพราะล้างหน้าบ่อยเกินไป ทำให้ผิวต้องเร่งกระตุ้นเพื่อสร้างไขมันใหม่ กลายเป็นผิวยิ่งมันเยอะ และมันง่ายมากกว่าเดิม
- ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่ถนอมผิว : ปัญหานี้ทำให้รูขุมขนยิ่งกว้าง ทำให้ผิวหน้ามัน และระคายเคืองง่ายมากกว่าปกติ
สำคัญที่สุด คือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม ตรงกับสภาพผิวของเรา ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หากคุณเป็นคนผิวมัน ผิวผสม ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมันหรือมีน้ำมันน้อยที่สุด เพื่อลดความมันส่วนเกิน หรือเลือกกลุ่มเซรั่ม มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ซึมซาบลงสู่ผิวไว เนื้อบางเบาแต่ยังคงความชุ่มชื้นได้ ไม่ทิ้งความเหนอะหนะให้ผิวเพื่อป้องกันการอุดตัน
หน้ามันเยิ้มแก้ได้จริง! แค่ปรับเทคนิคการดูแลผิวให้ถูกวิธี
สิ่งที่สามารถฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาคงความสมดุล จัดอยู่ในผิวสุขภาพดี มีความมันในระดับพอดีตามสภาพผิวเดิม ผิวชุ่มชื้น เรียบเนียน แข็งแรง แลดูอ่อนเยาว์ คือการดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด เริ่มจากเทคนิคง่าย ๆ ปรับเปลี่ยนการดูแลผิวให้ถูกวิธี จะสามารถตรงเข้าแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ตอบโจทย์คนหน้ามัน เป็นสิว รูขุมขนกว้างได้ดีที่สุด
การทำความสะอาดตั้งแต่ขั้นตอนแรกสำคัญ
เพราะปัญหาสิวขึ้น ผิวอักเสบ รูขุมขนกว้าง มีจุดเริ่มต้นมาจากการทำความสะอาดที่ไม่มีประสิทธิภาพตั้งแต่ขั้นตอนแรก ดังนั้นการทำความสะอาดคราบเครื่องสำอาง ครีมกันแดด ฝุ่นควัน มลภาวะที่คุณเจอมาทั้งวันจึงสำคัญมาก
เลือกคลีนซิ่งที่สามารถทำความสะอาดได้อย่างอ่อนโยน ไม่ดูดซับความชุ่มชื้นออกจากผิวไปจนหมดอย่าง Gentle Cleansing Cream มีส่วนผสมของ Grapefruit และ Centella asiatica ช่วยฟื้นฟูผิว คงความชุ่มชื้น เนียนนุ่มได้ แม้ว่าจะเป็นขั้นตอนการทำความสะอาดก็ตาม
วิธีใช้ : เคล็ดลับง่าย ๆ กดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดลงบนฝ่ามือในปริมาณที่พอเหมาะ นวดลงบนผิวเบา ๆ ให้ทั่วทั้งใบหน้า จากนั้นซับด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ หรือสำลี เช็ดจนกว่าสำลีหรือผ้าจะไร้สีของเครื่องสำอางบนใบหน้า
การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางแบบครีม จะช่วยให้ผิวหน้าแลดูอ่อนกว่าวัย ผ่อนคลายความเครียด ทำให้ผิวได้รับการปลอบประโลม กระตุ้นการไหลเวียนเลือดจากการนวด ลดการเกิดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี
หน้ามันต้องหมั่นดีท็อกซ์ผิวและรูขุมขน
เพราะผิวมัน โอกาสที่สิ่งสกปรก มลภาวะต่าง ๆ ที่เราต้องเจออยู่ทุกวันจะตกค้าง ฝั่งตัวอยู่ในรูขุมขนมีสูง ก่อให้เกิดสิว ผิวอักเสบเอาง่าย ๆ การใช้มาร์คโคลน Detoxifying Face Mask 1 - 2 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยยกระดับการทำความสะอาดผิวหน้า ช่วยดูดซับสิ่งสกปรก และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว มาร์คโคลนจะคืนความไบรท์ กระจ่างใสให้กับผิวด้วย Centella asiatica ทำงานคู่กับส่วนผสมของวิตามินอีจากน้ำมันงา ช่วยต่อต้านสร้างอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวแข็งแรง อ่อนนุ่มเรียบเนียนจนสัมผัสได้
วิธีใช้ : หลังจากทำความสะอาดผิวหน้าด้วย Gentle Cleansing Cream เรียบร้อยแล้ว ให้มาร์คหน้าด้วยมาร์คโคลน Detoxifying Face Mask 10 นาที ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นวางซับลงบนใบหน้า แล้วค่อย ๆ เช็ดมาร์คโคลนออกอย่างเบามือ
น้อยแต่มาก แค่บำรุงผิวถูกวิธี หน้าไม่มัน ตรงโจทย์
การบำรุงผิวให้ถูกวิธี ผ่านการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิว และเรียงลำดับประเภทสกินแคร์ที่ควรใช้ก่อน - หลัง สามารถลดความมันบนใบหน้าได้จริง เริ่มต้นจาก
หลังทำความสะอาดใบหน้าเสร็จเรียบร้อย ขั้นตอนแรกในการบำรุงควรเป็นกลุ่มโทนเนอร์ โลชั่น น้ำตบ หรือ Botanical Skin Nourishing Lotion เข้าช่วยเต็มเติมความชุ่มชื้นที่สูญเสียไป ลดอาการระคายเคือง ปลอบประโลมผิวจากมลภาวะ แสงแดด
Botanical Skin Nourishing Lotion มีส่วนผสมของอโรเวล่า และ Hyaluronic Acid ช่วยปกป้อง และฟื้นฟูในฝั่งของความชุ่มชื้นโดยตรง มาพร้อมกับส่วนผสมของน้ำผึ้ง วิตามิน A และ Centella Asiatica เข้าช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ต่อต้านริ้วรอย ยกกระชับผิว เปลี่ยนผิวให้แน่น นุ่มฟู แลดูเต่งตึงได้
อย่าลืมเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์อย่าง Precious Botanical Face & Neck Cream
เพื่อให้ผิวคงความชุ่มชื้น ผิวอิ่มน้ำจนไม่ผลิตความมันส่วนเกินออกมากวนใจ
Precious Botanical Face & Neck Cream มีวิตามินเอ และสารสกัดจากใบบัวบก ตัวช่วยลดริ้วรอย ลดการอักเสบของผิว แก้ปัญหาสิว และกระตุ้นการสร้างเซลล์คอลลาเจนใหม่ อุดมคุณค่าไปด้วยโปรตีนไหมไทย เน้นการสร้างเซลล์ผิว ต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย คืนผิวฟู แน่น เด้ง ทำงานควบคู่กับสารสกัดจากกวาวเครือขาว ให้สารไฟโตเอสโตรเจนเพื่อผิวที่ดูอ่อนเยาว์ในแบบที่คุณไม่เคยสัมผัส
ตัวครีมสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว ผิวมันใช้ได้ไม่เหนอะหนะ แนะนำให้ใช้ทาใบหน้าและลำคอทุกเช้าและเย็น นวดครีมลงผิวเบา ๆ ในลักษณะดันขึ้น เพื่อยกกระชับ เพิ่มความผ่อนคลายให้ผิว และกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือด
ถึงเวลาที่คุณต้องเช็กตัวเองแล้ว ว่าคุณกำลังเจอกับปัญหาหน้ามัน เป็นสิว รูขุมขนกว้างอยู่หรือไม่ ฟังดูจะเป็นเรื่องเล็ก อากาศประเทศไทยร้อน อย่างไรก็ต้องหน้ามันเป็นธรรมดา แต่ใครจะไปคิดว่าปัญหาที่เรามองว่าเล็กน้อย จะต่อคิวส่งผลร้ายกับผิวได้ขนาดนี้ เช็กก่อนรู้ก่อนเริ่มดูแลผิวได้เร็ว จะได้ไม่ต้องมานั่งหนักใจทีหลังนะ
รู้กันรึเปล่าว่า สภาพผิวของคุณเป็นแบบไหน ? Satira ขอพาทุกคนมาเช็กลิสต์ทำความรู้จักสภาพผิวแต่ละแบบซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการดูแลผิวให้มีสุขภาพดีตามความเหมาะสมกับพื้นฐานของผิวแต่ละแบบ แล้วสภาพผิวแบบไหนที่ใช่คุณ มาหาคำตอบไปพร้อมกันได้เลย
เช็กสภาพผิวทีละขั้นง่าย ๆ ทำได้แบบนี้
เช็ดผิว ลบเครื่องสำอางให้ออกจนหมด
ล้างหน้าให้สะอาดหมดจด แล้วซับเบา ๆ ให้หน้าแห้งดี
งดทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใด ๆ ก่อนเข้านอน
ใช้กระดาษซับมันทดสอบซับความมันบนผิวหน้าหลังตื่นนอน โดยทดสอบซับความมันที่บริเวณหน้าผาก จมูก คาง และแก้ม
ผลลัพธ์สภาพผิวแต่ละประเภท
โดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งประเภทของผิวตามสภาพและลักษณะได้เป็น 5 ประเภท ได้แก่ ผิวธรรมดา (Normal Skin), ผิวแห้ง (Dry Skin), ผิวมัน (Oily Skin), ผิวผสม (Combination Skin) และผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin) ซึ่งถูกกำหนดด้วยพันธุกรรมและปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละบุคคล
ผิวธรรมดา (Normal Skin)
บ่งบอกถึงผิวที่มีความสมดุล คือไม่แห้งจนเกินไปและไม่มันจนเกินไป เรียกได้ว่าเป็นผิวที่สภาพดีที่สุดเพราะดูแลง่าย ไม่ค่อยพบปัญหาผิวใด ๆ
ผู้ที่มีผิวประเภทนี้เมื่อทดสอบแล้วจะพบความมันเพียงเล็กน้อยที่หน้าผาก จมูก คาง และแก้ม
ผิวแห้ง (Dry Skin)
บ่งบอกถึงผิวที่ละเอียดบอบบาง มีความแห้งกร้าน ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย เนื่องจากน้ำมันจากต่อมไขมันในผิวไม่เพียงพอที่จะป้องกันการสูญเสียน้ำของผิว ผู้ที่มีผิวประเภทนี้เมื่อทดสอบแล้วจะพบว่าผิวแห้งตึง ไม่มีความมันบนผิวหน้า
ผิวมัน (Oily Skin)
บ่งบอกถึงผิวที่มองเห็นรูขุมขนได้ชัดเจน และผิวมีลักษณะมันวาว จากการที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาในปริมาณที่มากเกินไป
ผู้ที่มีผิวประเภทนี้เมื่อทดสอบแล้วจะพบความมันมากที่บริเวณหน้าผาก จมูก คาง และแก้ม
ผิวผสม (Combination Skin)
บ่งบอกถึงผิวที่มีลักษณะผสมกันระหว่างผิวสองประเภท บางบริเวณผิวจะแห้ง ในขณะที่บริเวณอื่นๆ จะมีผิวธรรมดาหรือผิวมัน
ผู้ที่มีผิวประเภทนี้เมื่อทดสอบแล้วจะพบความมันชัดเจนบริเวณหน้าผาก จมูก หรือคาง แต่ไม่พบความมันบริเวณแก้ม
ผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin)
บ่งบอกถึงผิวที่บอบบางมาก ๆ ต่อสิ่งต่าง ๆ ที่สัมผัสผิวหน้า เช่น ฝุ่น แสงแดด ครีม หรือเครื่องสำอาง ซึ่งมีโอกาสระคายเคืองมากกว่าผิวประเภทอื่น
ผู้ที่มีผิวประเภทนี้เมื่อทดสอบแล้วจะพบความมันบ้างเล็กน้อยหรือไม่พบเลย มีข้อสังเกตเบื้องต้นคือ ผิวจะดูไม่ยืดหยุ่น เมื่อลองบีบผิวเบา ๆ จะเกิดริ้วรอยย่นขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อรู้จักสภาพผิวตัวเองแล้ว Satira ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่สามารถใช้ได้ทุกวัน ทุกสภาพผิว เพื่อผิวหน้าแข็งแรงให้คุณได้มั่นใจมากยิ่งขึ้นค่ะ
Botanical Skin Nourishing Lotion
โลชั่นที่มีส่วนผสมของอโรเวล่า และ Hyaluronic Acid ช่วยปกป้อง ฟื้นบำรุงผิวแห้งเสียผิวที่ขาดความชุ่มชื้น ลดการระคายเคืองผิวแสบร้อนจากแดด และยังมีส่วนผสมของน้ำผึ้งช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว อุดมด้วยวิตามิน A และ Centella Asiatica ช่วยจัดการริ้วรอยและฟื้นฟูผิว
Clarifying Facial Scrub
สครับสำหรับทุกสภาพผิว ด้วยสารสกัดจากโสมและใบแป๊ะก๊วย Ginko Biloba ทำให้ผิวที่อ่อนแอหมองคล้ำกระชับปรับสมดุลของเลือดกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
Detoxifying Face Mask
มาสก์โคลนทำความสะอาดผิวหน้าด้วยการดูดซับสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว อีกทั้งยังมี Centella Asiatica ช่วยปรับสภาพผิวและเพิ่มความสดชื่นให้กับผิวหน้า ในขณะที่น้ำมันงาให้วิตามินอีต่อต้านอนุมูลอิสระสูงทำให้ผิวนุ่มนวลสะอาดและเรียบเนียน เพื่อผิวกระจ่างใส
Gentle Cleansing Cream
ครีมทำความสะอาดสำหรับชำระล้างเครื่องสำอาง ทำความสะอาดผิวหน้าได้ในขวดเดียว และยังเติมความชุ่มชื้นในชั้นผิวได้ด้วยส่วนผสมของ Grapefruit และ Centella asiatica พร้อมฟื้นฟูผิวของคุณให้ผ่อนคลายด้วย Allantoin
Intense Hydration Face Mask
มาส์กเจลเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ให้ความชุ่มชื้นพร้อมแคปเตอร์น้ำธรรมชาติด้วยกรดโซเดียมไฮยาลูโรนิกและอิมเพอราต้าไซคลินดริกาจากกระบองเพชรทะเลทรายทำหน้าที่เป็นสารยึดเกาะตามธรรมชาติเพื่อทำให้เซลล์ผิวแห้งตึงและให้ความชุ่มชื้นยาวนานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างเข้มข้นชุ่มชื้น
Precious Botanical Face & Neck Cream
เหมาะกับทุกสภาพผิว ด้วยสารสกัดวิตามินเอและสารสกัดจากใบบัวบกช่วยลดริ้วรอยและสร้างเซลล์คอลลาเจนใหม่
ประกอบกับโปรตีนไหมไทยช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวเพื่อต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย และสารสกัดจากกวาวเครือขาวให้สารไฟโตเอสโตรเจนเพื่อผิวที่ดูอ่อนเยาว์กว่าที่เคย
Precious Eye Cream
คืนความอ่อนเยาว์และมีชีวิตชีวาให้กับดวงตาของคุณด้วย Eyeliss และ Haloxyl ส่วนผสมที่ทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อลดถุงใต้ตาและรอยคล้ำรอบดวงตา ลดความหย่อนคล้อยของผิวเปลือกตา นอกจากนี้ยังมี Centella Asiatica และ Aloe Vera ที่สร้างคอลลาเจนและเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวรอบดวงตา โสมกระตุ้นเพิ่มความสดชื่นและลดรอยหมองคล้ำ
Precious Face Essence
น้ำมันนวดหน้าผสานน้ำมันหอมระเหยกุหลาบและวิตามินซีบริสุทธิ์ เพื่อผิวหน้ากระจ่างใสและอ่อนเยาว์เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ช่วยทำให้ผ่อนคลาย และปลอบประโลมผิวได้เป็นอย่างดี โดยสารสกัดจากใบบัวบกช่วยกระตุ้นการไหลเวียนและการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ประกอบกับกวาวเครือขาวช่วยนำความชุ่มชื้นและความอ่อนเยาว์กลับคืนสู่ผิว
ซึ่งสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ตามนี้ได้ค่ะ
เช็ดทำความผิว ลบเครื่องสำอางให้ออกจนหมดด้วย Gentle Cleansing Cream
หลังจากล้างทำความสะอาดผิวหน้าแล้ว ใช้น้ำตบ Botanical Skin Nourishing Lotion
โลชั่นบำรุงผิวให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
ตามด้วยการบำรุงผิวอย่างล้ำลึกด้วย Precious Face Essence
หลังจากนั้นบำรุงผิวด้วย Precious Botanical Face & Neck Cream และ Precious Eye Cream บำรุงใต้ตาเพื่อลดการเกิดริ้วรอย
สนใจสามารถสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ได้ที่ satirathai.com